นายพนม ควรสถาพร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชียกรีน เอนเนอจี จำกัด(มหาชน) หรือ AGE ผู้จัดจำหน่ายถ่านหินบิทูมินัส (ถ่านหินสะอาด) เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2560 จะสะท้อนปัจจัยบวกจากออเดอร์การส่งมอบถ่านหิน ที่ทยอยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความต้องการใช้ถ่านหินในภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในประเทศ รวมถึงความต้องการใช้ถ่านหินในต่างประเทศโดยเฉพาะจีน ที่ส่งผลให้ดีมานต์ความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจากการคาดการณ์ดังกล่าวส่งผลให้แนวโน้มไตรมาส 2/2560 มีความโดนเด่นมากขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรก
ขณะเดียวกัน ปัจจุบันบริษัทมีออเดอร์ถ่านหินล่วงหน้าที่จะทยอยส่งมอบให้กับลูกค้า ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ต่อเนื่องจนถึงไตรมาส 4/2560 แล้วประมาณ 3 แสนตัน และคาดว่าจะทยอยเพิ่มอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากช่วงไตรมาสดังกล่าวเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เพราะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ทำให้ความต้องการใช้ถ่านหินมีสูงโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมผลิตไฟฟ้า ประกอบกับหลังจากที่บริษัทได้มีการขยายตลาดโดยจับมือกับพาร์ทเนอร์ในประเทศจีนในช่วงที่ผ่านมา ก็ยิ่งส่งผลให้ออเดอร์เพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทประมาณการณ์อัตราการเติบโตยอดขายในปีนี้เพิ่มขึ้น 25-30% เมื่อเทียบจากปีก่อนที่ทำได้ 2.36 ล้านตัน
นอกจากนี้ ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เอเชียกรีน เอนเนอจี (AGE) กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากการให้ในคลังสินค้า ขนสินค้าผ่านท่าเรือ และให้บริการขนส่งทางน้ำแบบครบวงจร นอกเหนือจากรายได้จากการขายถ่านหินโดยบริษัทได้มีการขยายกำลังการผลิตโดยการก่อสร้างโรงงานคัดร่อนเพิ่มเติม เพื่อการรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการให้บริการจากคลังสินค้าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับมอบเรือ เพื่อใช้ในการขนส่งถ่านหินเข้ามาแล้วจำนวน 8 ลำ และจะเริ่มจัดหาเรือเทกองเพิ่มเติมอีก 14 ลำ ในช่วงปลายปีนี้ ทำให้บริษัทจะมีเรือเทกอง เพื่อขนส่งรวมทั้งหมด 22 ลำ โดยจะสามารถขนส่งถ่านหินรวม 5.5 หมื่นตันต่อเที่ยว ส่งผลให้บริษัทจะเป็นรายได้จากการให้บริการท่าเรือเพิ่มเข้ามาในปีนี้
นายพนม กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันบริษัทมีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีและมีวินัยทางการเงินในระดับที่สูง โดยจะเห็นจากเงินสดในมือที่มีอยู่ประมาณ 300 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินระยะยาวมีเพียง 100 ล้านบาท และหนี้สินระยะสั้น ซึ่งเป็น หนี้สินทางการค้าปกติในการดำเนินธุรกิจ และในไตรมาส 1/2560 มีรายได้ 1,257.33 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10.88 ล้านบาท ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ถือหุ้น และ นักลงทุนทั่วไป มั่นใจในศักยภาพในการแข่งขันทั้งในด้านการบริหาร ต้นทุนที่แข่งขันได้ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและสามารถจ่ายเงินปันผลได้ยั่งยืน เรียกได้ว่าสอบผ่านช่วงที่อุตสาหกรรมแข่งขันรุนแรงที่สุดไปแล้ว