การทำตลาดช่วงครึ่งปีหลังหรือ 6 เดือนจากนี้ บริษัทดำเนินทุกรูปแบบ ทั้ง บีโลว์เดอะไลน์ / อะโบฟเดอะไลน์ และ สื่อดิจิตอลมาร์เกตติ้ง เช่น การแจกชงชิมหนึ่งล้านถ้วย การออกหนังโฆษณาการดึงศิลปินชื่อดัง 2 คน มาเป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ ทั้ง อาเล็ก-ธีรเดช เมธาวรายุทธ และ แต้ว-ณฐพร เตมีรักษ์ เป็นตัวแทนของสินค้า ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปต์ของสินค้าคือ ทั้งคู่ต่างก็เป็นดาราที่มีฝีมือในการแสดง มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่ทำ และมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งเหมือนกับเอสเซนโซ่ ที่เราใช้ความเชี่ยวชาญในการผลิตกาแฟให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดออกมาเพื่อผู้บริโภค เพื่อให้ผู้บริโภคได้มีความสุข ในทุกๆ ครั้งที่ดื่มด่ำ ในแบบที่คุณไม่เคยสัมผัสมาก่อน นอกจากนี้ ทั้งสองยังเป็นที่รู้จักในฐานะดาราดัง แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ทั้งคู่หลงใหลกับการดื่มด่ำกาแฟและเป็นคอกาแฟตัวยงคู่หนึ่งของวงการ
การเปิดตัวครั้งนี้ มุ่งหวังที่จะกระตุ้นยอดขายให้เติบโตและต้องการให้ "เอสเซนโซ่ ไมโครกราวด์ แบล็ค คอฟฟี่" เข้าถึงครัวเรือนของคนไทยให้มากขึ้น โดยหวังครองส่วนแบ่งการตลาดกาแฟ 2 สัมผัสใหม่ได้อย่างเต็มรสเต็มกลิ่นในแบบกาแฟดำที่ปราศจากน้ำตาลหรือนม สินค้าใหม่นี้มี 2 รสชาติคือ โคลอมเบียน เบลนด์ และ แมนเฮลิ่ง เบลนด์ จำหน่ายใน ขนาดกล่องละ 20 ซอง ราคา 95บาท/กล่อง
ทั้งนี้ ตลาดรวมกาแฟผงสำเร็จรูปในทุกกลุ่มยังคงมีการเติบโตได้อีก เมื่อเทียบกับตลาดรวมกาแฟในประเทศไทยปีที่แล้ว (2559) เติบโตเพียง 4% นำเทียบจากมูลค่าตลาดรวมที่มีมากกว่า 32,000 ล้านบาท แยกได้เป็น 1. ตลาดมิกซ์ หรือ กาแฟทรีอินวัน มูลค่า 15,000 ล้านบาท สัดส่วน 48% 2. กลุ่มตลาดแบบชงเอง มูลค่า 4,000 ล้านบาท สัดส่วน 13% 3. ตลาดกาแฟกระป๋องพร้อมดื่ม มูลค่า 12,000 ล้านบาท สัดส่วน 37% และ 4. ตลาดทั่วไป อีก 3% หากนำมาเทียบจากอัตราการดื่มกาแฟของคนไทยที่มีเพียง 300 แก้วต่อคนต่อปี ต่ำกว่าอีกหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น 400 แก้วต่อคนต่อปี, ยุโรป 600 แก้วต่อคนต่อปี หรือฟินแลนด์ 1,000 แก้วต่อคนต่อปี