นายวีระศักดิ์ สุตัณฑวิบูลย์ รองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้อนุมัติวงเงินสินเชื่อจำนวน 2,200 ล้านบาท ให้กับนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล เพื่อดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิบางส่วน (Voluntary Partial Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นของ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) ตามที่ประชุมสามัญประจำปีผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2560 เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 ที่มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติการดำเนินการดังกล่าว และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุมัติคำขอผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนของนายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มการลงทุนในบริษัทฯ และเป็นการลงทุนในระยะยาว เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน
นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โดยส่วนตัวรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ให้ความไว้วางใจในการอนุมัติวงเงินกู้จำนวนดังกล่าว ทำให้ตนเองมีความพร้อมในการดำเนินการรับซื้อหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 1,215,919,539 หุ้น หรือคิดเป็นไม่เกิน 29.99% ของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิที่จำหน่วยแล้วทั้งหมดของบริษัท ในราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญและหุ้มบุริมสิทธิหุ้นละ 1.80 บาท ซึ่งเป็นราคาสูงกว่าราคาตลาดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทฯ ย้อนหลัง 15 วันทำการ ทั้งนี้ในกรณีที่มีผู้แสดงเจตนาขายหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิของบริษัทฯ มากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอซื้อ ตนจะดำเนินการรับซื้อตามจำนวนหุ้นที่เสนอซื้อเท่านั้น โดยจะใช้วิธีการจัดสรรตามสัดส่วนของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิที่มีผู้แสดงเจตนาขาย (Pro-rata Basis)
"พร้อมกันนี้ได้มีการแต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินจัดทำความเห็นเกี่ยวกับคำเสนอซื้อและราคาเสนอซื้อดังกล่าวเพื่อให้ผู้ถือหุ้นพิจารณาต่อไป" นายสิทธิชัย กล่าว
สำหรับการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนในครั้งนี้ หากมีผู้ถือหุ้นตอบรับคำเสนอซื้อเต็มตามจำนวนที่เสนอซื้อ จะทำให้นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล และบุคคลที่เกี่ยวข้องมีจำนวนหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิรวมทั้งสิ้น 1,986,686,907 หุ้น หรือคิดเป็น 49.00% ของหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิที่จำหน่วยแล้ว ณ ปัจจุบัน ทั้งหมดของบริษัทฯ และจะมีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในสัดส่วน 49.00% ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการทำคำเสนอซื้อหุ้นบางส่วนดังกล่าว โดยการเพิ่มการลงทุนในระยะยาวของบริษัทฯ ในครั้งนี้ นายสิทธิชัยไม่มีแผนที่จะเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจ นโยบายการดำเนินธุรกิจ แผนประกอบธุรกิจ ตลอดจนนโยบายการจ่ายเงินปันผลของของบริษัทฯ และจะยังคงให้การสนับสนุนการดำเนินการของผู้บริหารเดิม รวมถึงจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัทฯ เพิ่มเติม และเพิกถอนบริษัทฯ ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแต่อย่างใด