ขณะนี้ ธนาคารกำลังรุกให้บริการ รับซื้อ-เสนอขายพันธบัตรและหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด (secondary bond) อย่างจริงจัง โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางจับคู่ความต้องการลงทุนและผลิตภัณฑ์ที่มีในตลาดให้ลูกค้า อย่างไรก็ดี นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ทราบว่า พันธบัตรและหุ้นกู้สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือได้ก่อนครบกำหนด ธนาคารจะกระตุ้นและเชิญชวนนักลงทุนให้ทราบว่า ตราสารหนี้ซื้อ-ขายเปลี่ยนมือได้ เลือกลงทุนสั้น-ยาว มีความหลากหลายตรงตามความต้องการ และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจด้วย เหมาะสำหรับลูกค้ากลุ่มที่ต้องการรับรายได้คงที่สม่ำเสมอ และผลตอบแทนสูง
"ลูกค้าพันธบัตรและหุ้นกู้ส่วนใหญ่ 99.99% กัดฟันถือจนครบอายุ เพราะไม่รู้ว่าซื้อตราสารหนี้ไปแล้ว นำมาขายเปลี่ยนมือได้ ไม่ต้องรอให้ครบกำหนด ยกตัวอย่าง ลูกค้ามีเงินเก็บ ต้องการลงทุนสั้น 1 ปี แต่ในตลาดไม่มี พันธบัตรหรือหุ้นกู้อายุ 1 ปีเสนอขายเลย ลูกค้าสามารถซื้อ พันธบัตรหรือหุ้นกู้อายุ 3 ปี 5 ปี หรือ 10 ปี แล้วถือไว้ 1 ปีตามที่ต้องการ หลังจากนั้นค่อยนำมาขายก่อนครบกำหนดได้ เท่ากับว่าคุณเลือกเวลาลงทุนเองได้ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าเงินฝากหรือ พันธบัตรหรือหุ้นกู้ที่เสนอขาย IPO ในช่วงนั้น แต่ตลาดส่วนนี้ยังไม่มีใครรุกขึ้นมาทำจริงจัง ธนาคารจึงเข้ามาจับตรงนี้" น.ส.ดุษณี กล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารรับซื้อ-ขาย พันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ ที่มีระดับความน่าเชื่อถือตั้งแต่ BBB- ขึ้นไป หรืออยู่ใน Investment Grade ลูกค้าที่สนใจสามารถติดต่อได้ที่สาขาของธนาคารทั่วประเทศ
สำหรับลูกค้ากลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ค่อนข้างมาก นอกจากการไปลงทุนในหุ้นโดยตรง ธนาคารยังเสนอทางเลือกใหม่ คือ 'หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝง Maxi EQ' ซึ่งเป็นหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงกับราคาหลักทรัพย์ ใน SET50 โดยจะเสนอขายแก่ผู้ลงทุนรายใหญ่ตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการ กลต. เงินลงทุนขั้นต่ำ 5 ล้านบาท และทวีคูณครั้งละ 1 ล้านบาท นับเป็นหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงตัวแรกที่อ้างอิงกับราคาหุ้น ก่อนหน้านี้ ธนาคารเสนอขายหุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงอ้างอิงกับ อัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน และสินค้าโภคภัณฑ์มาแล้ว
น.ส.ดุษณี กล่าวว่า ทิศทางและนโยบายในการเสนอขายผลิตภัณฑ์และการลงทุนของธนาคารคือการไปลงทุนต่างประเทศ ลูกค้าสามารถเปิดพอร์ตลงทุน และลงทุนผ่านกองทุน ข้อดีคือ ลงทุนใน พันธบัตร/หุ้นกู้ต่างประเทศไม่มีภาษี 15% และซื้อขายได้ตลอดเวลา สภาพคล่องสูง
"เรามีของที่แตกต่าง มีผลิตภัณฑ์ที่ผู้เล่นรายอื่นไม่มี ใครอยากลงทุนอะไรมาที่ซีไอเอ็มบี ไทย เรามีครบ ทั้งเสี่ยงมาก เสี่ยงน้อย ไม่ชอบเสี่ยง ทั้งพาไปลงทุนในต่างประเทศ เราต้องการตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มที่มี passion มีสิ่งที่อยากทำ มีฝัน ต้องการวางแผนการเงินเพื่อนำไปทำตามแผนชีวิต" น.ส.ดุษณี กล่าว
นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า ธนาคารมีแคมเปญ 'Be The Victor' เป็นการเข้าถึงลูกค้าด้วยทัศนคติ หรือ Mind Set ที่ธนาคารต้องการวางลงไปคู่กับแนวทางการทำงานของธนาคารหลังจากนี้
ในด้านหนึ่ง ธนาคารเป็นตัวกลางทางการเงิน ให้คำปรึกษา ให้บริการวางแผนการเงิน และเป็นแหล่งทุน ในอีกด้านหนึ่ง ธนาคารต้องการเป็นกลไกจุดประกายความคิดให้คนทั่วไปโดยเฉพาะลูกค้าที่เข้ามาสัมผัสธนาคาร ปลุกคนให้คิด และค้นหาว่าสิ่งที่อยากทำจริง ๆ คืออะไร เพื่อกำหนดแผนชีวิตที่จะสุดท้ายจะนำมาซึ่งการแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
"VICTOR แปลว่า ผู้ชนะ แต่การเป็นผู้ชนะ ไม่จำเป็นต้องวัดที่ความร่ำรวย หรือตำแหน่งการงาน คนแบบ "Victor" คือ คนที่มีมุมมองและทัศนคติในการสร้างความสำเร็จด้วยรูปแบบของตัวเอง และความสำเร็จไม่ใช่การทะยานสู่จุดสูงสุดเท่านั้น ยังหมายถึงการพาชีวิตก้าวไปข้างหน้าอีกด้วย ค้นหาตัวตนแล้วทำให้โดดเด่นในมุมที่คุณเป็น กล้าฝัน ลงมือทำ แม้จะเป็นฝันที่ใหญ่ หากทำวันละนิด ยืนหยัดจนถึงเป้าหมาย เท่านี้คุณก็เป็นผู้ชนะเป็น Victor ของซีไอเอ็มบี ไทย" นายอดิศร กล่าว
นายอดิศร กล่าวว่า ช่วงเริ่มต้นธนาคารจะรุกแคมเปญ Be The Victor กับลูกค้ากลุ่ม CIMB Preferred ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่ม Wealth ที่มีเงินฝากและเงินลงทุนกับธนาคารก่อน โดยเชิญชวนลูกค้ามาวางแผนการเงินโดยคิดลึกไปถึงการวางแผนชีวิต หลังจากนั้น จะเริ่มขยายไปหาลูกค้ากลุ่มอื่นๆ เพราะไม่ว่าจะมีเงินมากหรือน้อย ขอเพียงกล้าและลงมือทำ ก็เป็น Victor ได้
"เราจะสร้างชุมชนที่รวบรวมคนแบบ Victor เข้าไว้ด้วยกัน เริ่มจากบุคคลต้นแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประสบความสำเร็จโดยไม่ย่ำอยู่บนรอยเท้าใคร แบ่งปันแนวคิด การไม่ยึดติดกับกรอบ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้ลูกค้าและคนทั่วไป ถามว่าธนาคารได้อะไรจากแคมเปญนี้ และจะวัดผลสำเร็จอย่างไร วันนี้เราทำธุรกิจ ไม่ได้มุ่งเน้นแต่กำไร เราอยากให้ลูกค้าที่มาใช้บริการอยู่ในจุดที่มีความสุขกับชีวิตมากที่สุด และเราเชื่อว่าคนที่มีความสุขกับชีวิตมากที่สุดคือคนที่กล้าเดินตามฝัน แม้ยังไม่ถึงจุดหมาย แต่ขอให้มีความสุขกับทุกก้าว หากธนาคารทำให้ลูกค้ามีความสุขได้ ลูกค้าจะกลับมาใช้บริการกับเรามากขึ้น ไว้วางใจให้ธนาคารเป็นผู้วางแผนการเงิน สุดท้ายจะสะท้อนกลับมาเป็นกำไร เป็นกำไรบนความสุข และชัยชนะของลูกค้า นี่คือจุดวัดความสำเร็จ" นายอดิศร กล่าว