โดยสถานที่แรกที่มาเยือน คือ "สถานีรถไฟกันตัง" สถานีสุดทางของทางรถไฟสายใต้ ฝั่งทะเลอันดามัน ที่เพิ่งฉลองครบรอบ 100 ปีไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของจังหวัดตรังจากกรมศิลปากร ตั้งแต่ พ.ศ. 2539 ปัจจุบันการรถไฟแห่งประเทศไทยและเทศบาลเมืองกันตังได้ปรับปรุงให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตัวสถานียังชวนให้รำลึกถึงอดีตอันรุ่งเรืองผ่านอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยา ทาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล คู่สีหลักที่คุ้นตาของสถานีรถไฟดั้งเดิม พร้อมจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในอดีตที่ยังคงหลงเหลืออยู่ โดยภาพรวมแล้วยังรักษาเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ไว้ได้เป็นอย่างดี นับเป็นสถานีรถไฟที่มีความสวยงามเป็นพิเศษ และเป็นส่วนหนึ่งของหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บอกเล่าความเป็นมาอันเก่าแก่ของเมืองกันตังในฐานะเมืองท่าขนส่งสินค้า และศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญทางฝั่งทะเลตะวันตกของไทย
ถัดออกไปอีกเพียง 10 กว่ากิโลเมตรก็เดินทางถึง "วนอุทยานบ่อน้ำร้อนกันตัง" พื้นที่ส่วนพรุน้ำร้อนที่ได้ปรับปรุงเป็นบ่อน้ำร้อนจำนวน 3 บ่อ แต่ละบ่อมีอุณหภูมิของน้ำ 70 องศา 40องศา และ 20 องศา ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไปได้เข้ามาแช่เท้า หรือลงแช่น้ำร้อนเพื่อสุขภาพ ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเช่นเดียวกับการแช่ออนเซนของญี่ปุ่น หากแต่น้ำแร่ที่นี่มีจุดเด่น คือ มีส่วนผสมของกำมะถันน้อยมากไม่ถึง 1% จึงแทบจะไม่มีกลิ่น แต่มีแคลเซียมมากถึง 75% ซึ่งเป็นเพียงแห่งเดียวของประเทศไทย เหมาะสำหรับการนำไปบำบัดผู้ที่ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต เนื่องจากแคลเซียมช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตได้ดี และมีการนำน้ำแร่ไปทำเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่มาเยือนด้วย
สำหรับภาคบ่าย หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารใต้รสเด็ดมื้อกลางวัน ณ ร้านปากน้ำกระบี่ซีฟู้ด ชาวคาราวานได้มาเรียนรู้วิชาพืชสวนกันที่ "ศูนย์การเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงเกษตร" จังหวัดกระบี่โดยแบ่งกลุ่มเข้าชมแปลงสาธิตการปลูกดอกหน้าวัว และร่วม Workshop ปลูกสับปะรดสีที่สวยงามแปลกตา ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ "ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล" ฐานทัพเรือพังงา โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลด้านฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งจะเข้าดูแลตั้งแต่การสำรวจ เก็บเพาะฟักไข่เต่าบริเวณเกาะหูยง อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และนำมาอนุบาลต่ออีกประมาณ 6 เดือนก่อนที่จะนำไปปล่อยในทะเล ซึ่งจะทำให้มีอัตราการรอดของเต่า 80 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ต่างจากการปล่อยให้เต่าแพร่พันธุ์ตามธรรมชาติที่จะมีอัตราการรอดเพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แม้การเยือนในครั้งนี้จะเหลือเต่าที่โตพอจะให้ปล่อยคืนสู่ท้องทะเลเพียงจำนวนหนึ่ง แต่ชาวคาราวานยังได้ร่วมกิจกรรมทำความสะอาดคราบแบคทีเรียที่ติดตามกระดอง พร้อมทั้งทายาเพื่อให้เต่าตัวน้อยๆ เติบโตอย่างแข็งแรง และพร้อมกลับสู่ธรรมชาติต่อไป
จากนั้นจึงเคลื่อนทัพคาราวานต่อไปยังที่พัก โรงแรมเซ็นทารา บีช รีสอร์ท เขาหลัก ท่ามกลางบรรยากาศของฟ้าสวย แดดใส หาดทรายและท้องทะเลที่สวยงาม เพื่อร่วมงานเลี้ยงรับรองพิเศษที่แสนอบอุ่นและเป็นกันเองในแบบของอีซูซุ โดยมีนางเอกสาวหน้าหวาน เบลลา ราณี มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษ พร้อมการแสดง Juggling Show ที่สนุกสนานและน่าตื่นตาตื่นใจ และลุ้นรับรางวัลกลับบ้านกันไปอย่างถ้วนหน้า
ชัยวัฒน์-วรรณพร จิตตคาม รถหมายเลข 02 หนึ่งในแฟนพันธุ์แท้คาราวานอีซูซุ ซึ่งครั้งนี้แท็คทีมครอบครัวเพื่อนๆ นั่งรถคันเดียวกันถึง 7 คน เผยว่า "ผมได้มาร่วมคาราวานกับอีซูซุครั้งแรกเมื่อประมาณ 15 ปีที่แล้ว ประทับใจทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นการดูแล อาหาร ที่พัก ยิ่งค่าสมัครกับสิ่งที่ตอบแทนให้กับลูกค้าประเมิณค่าไม่ได้เลย ราคาเท่านี้มาเองก็มาไม่ได้ ทั้งเที่ยว ทั้งมีกิจกรรมดีๆ ขนาดนี้ จากนั้นก็มาร่วมทุกปีเท่าอายุลูกผม เริ่มขับมาตั้งแต่อีซูซุดีแมคซ์รุ่นแรก มิว-7 รุ่นแรก และล่าสุดออกรุ่นใหม่ The New Isuzu MU-X เลยลองชวนกลุ่มเพื่อนมาเที่ยวด้วยกัน นั่งรถคันเดียวกัน ทั้งที่ไม่มั่นใจว่า 7 คนจะนั่งกันพอไหม แต่พอนั่งจริงก็สบายนะ จากตรังมาพังงาไม่รู้สึกอึดอัดเลย ถ้ามาคาราวานแบบนี้ไม่ว่าจะอีกกี่ปีๆ ผมก็จะมา รถรุ่นใหม่ออกมาผมก็ยังยินดีที่จะเลือกใช้อีซูซุตลอดไป"
"อีซูซุคาราวานสัญจร" นับเป็นกิจกรรมลูกค้าสัมพันธ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง จัดขึ้นเพื่อขอบคุณลูกค้าอีซูซุทั่วประเทศไปพร้อมกับสนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศของรัฐบาล รวมถึงการเดินทางในฐานะประตูสู่ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าไม่อยากพลาด สามารถสมัครและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายสื่อสารการตลาด-บี โทร.02-966-2127-9 โดยอีก 3 เส้นทางได้แก่
o เส้นทางที่ 2 ยโสธร – นครพนม วันที่ 15-16 กรกฎาคม 2560
o เส้นทางที่ 3 ไทย (จันทบุรี) – กัมพูชา (กำปอด – สีหนุวิลส์) วันที่ 10-13 สิงหาคม 2560
o เส้นทางที่ 4 พิจิตร – พิษณุโลก วันที่ 23-24 กันยายน 2560