นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ซึ่งมีสมาชิกเป็นร้านค้าปลีกขนาดเล็ก (โชห่วย) ที่ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบราว 1,000 ร้านทั่วประเทศกล่าวว่า "แม้สมาคมฯ จะไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่สุดโต่งในกฎหมายนี้หลายข้อแต่เมื่อเป็นกฎหมายทุกคนก็ต้องปฏิบัติตาม ที่ผ่านมาเราได้ออกเยี่ยมร้านค้าสมาชิก ก็ทราบว่าส่วนมากยังไม่รับทราบรายละเอียดที่แน่ชัดเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายใหม่จากหน่วยงานใดๆ เลยและสธ. ก็จะประกาศใช้แล้ว ดังนั้นสมาคมฯ ได้จัดทำแผ่นพับให้ความรู้และคำแนะนำแก่ร้านค้าสมาชิกและร้านที่สนใจ 100,000 ชุดในข้อกฎหมายใหม่ตาม พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 โดยชูสโลแกนที่เป็นจุดเน้นให้ร้านค้าจำง่าย "คนซื้อ 20 คนขาย 18 ไม่แบ่ง ไม่โชว์" แจกจ่ายไปยังร้านค้าสมาชิกและร้านค้าที่สนใจทั่วประเทศ"
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่สมาคมฯ ได้ร่วมประชุมเพื่อรับฟังคำชี้แจงเรื่องกฎหมายฉบับใหม่จากกรมควบคุมโรคเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา เราตกใจอย่างมากกับการตีความกฎหมายของกระทรวงสาธารณสุขในประเด็น "ห้ามแสดงบุหรี่ ณ จุดขาย" โดยที่ร้านค้ามองว่าหากสินค้าอยู่ในตู้ปิดและเปิดเฉพาะเวลาหยิบของให้ลูกค้าก็น่าจะเพียงพอแล้วเพราะร้านค้าส่วนใหญ่ก็ปิดตู้มากกว่า 10 ปีแล้ว แต่สธ. แจ้งว่าต้องทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้เห็นซองบุหรี่เลยแม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งการตีความและแจ้งให้ผู้ประกอบการทราบเกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ซึ่งร้านค้าหลายแห่งอาจไม่สามารถดำเนินการปรับเปลี่ยนได้ทัน
"การตีความกฎหมายที่สุดโต่งเช่นนี้ถือว่าขัดต่อหลักนิติธรรม เพิ่มภาระให้กับประชาชนที่ประกอบอาชีพสุจริต และไม่คำนึงถึงสภาพการค้าขายจริง เป็นการจงใจใช้กฎหมายสร้างความลำบากในการค้าขายท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี ซึ่งการตีความกฎหมายแบบนี้ขัดต่อรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น สมาคมฯ จึงขอความเป็นธรรมจากรัฐบาลทบทวนการตีความเรื่อง ห้ามแสดงบุหรี่ ณ จุดขาย และการบังคับใช้โดยให้คำนึงถึงสภาพการค้าขายที่เกิดขึ้นจริงไม่รังแกกันจนเกินไป"
พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มีผลบังคับใช้ 4 ก.ค. 2560 กำหนดให้ร้านค้าห้ามแบ่งขายบุหรี่เป็นมวน ห้ามแสดงสินค้า ณ จุดขาย เพิ่มอายุขั้นต่ำคนซื้อเป็น 20 ปี กำหนดอายุคนขายขั้นต่ำ 18 ปี ห้ามโฆษณาและสื่อสารการตลาด โดยมีโทษปรับตั้งแต่ 30,000 บาทจนถึง 500,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ