นางสาลินี วังตาล ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า จากการที่ สสว. ได้เข้าร่วมคลินิก SME สัญจรตามแนวประชารัฐร่วมกับกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกิจกรรมหลักของ สสว. คือให้ความรู้ด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคเพื่อให้ Micro SME และวิสาหกิจชุมชนนำไปใช้ปรับปรุงสินค้าหรือบริการให้เป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น รวมทั้งสำรวจความต้องการของ SME ซึ่งในพื้นที่ ที่ได้ดำเนินการไปแล้ว 3 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ชลบุรี และสระแก้ว พบว่า สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องการความช่วยเหลือ
อันดับ 1 ด้านการเงิน เช่น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ หรือแหล่งเงินทุนที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
อันดับ 2 ด้านการตลาด เช่น การเพิ่มช่องทางตลาดในประเทศ การขยายตลาดต่างประเทศ E-Commerce และการจับคู่ธุรกิจ (Business Matching)
อันดับ 3 ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ คุณภาพ/มาตรฐาน เทคโนโลยีและนวัตกรรม
อันดับ 4 ด้านการผลิต เช่น การปรับปรุงกระบวนการผลิต/ระบบบริหารจัดการธุรกิจ ปรับปรุงเครื่องจักร
อันดับ 5 ด้านการพัฒนาองค์ความรู้ ทั้งความรู้ทั่วไป ความรู้เฉพาะด้าน รวมถึงการบ่มเพาะธุรกิจ ซึ่งเรื่องนี้ สสว. และหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ มีโครงการรองรับอยู่แล้ว
ขณะที่โครงการช่วยเหลือของ สสว. ทางด้านการเงินมีการให้กู้ยืมรายละไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยไม่คิดดอกเบี้ย ปัจจุบัน (ณ วันที่ 30 มิถุนายน) มี SME ยื่นขอกู้แล้ว 4,740 ราย สามารถอนุมัติได้แล้ว 692 ราย วงเงิน 498.68 ล้านบาท จากวงเงินที่รัฐบาลจัดสรรให้ทั้งสิ้น 3 พันล้านบาท
นอกจากนี้ สสว. ยังมีโครงการความช่วยเหลือ SME รายย่อยในด้านอื่นๆ เช่น การพาเข้าขายทาง online และออกบูธขายในงานแสดงสินค้าต่างๆ ตลอดทั้งปี
ด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ มีการยกระดับมาตรฐานด้วยการมอบคูปองสำหรับตรวจวิเคราะห์อาหารและเครื่องสำอางกับบริษัท ห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) จำกัด หรือ เซ็นทรัลแล็บไทย ว่าถูกสุขอนามัย ปราศจากสารปนเปื้อน โดยขณะนี้มีผู้จองสิทธิ์รับคูปองแล้ว 850 ราย
ทั้งนี้ กิจกรรม "คลินิกเอสเอ็มอีสัญจรตามแนวประชารัฐ" ครั้งต่อไปจะจัดที่ จ.กระบี่ และจะจัดต่อเนื่องที่ จ.อุดรธานี และ จ.ตาก (แม่สอด) ซึ่งผู้ประกอบการในพื้นที่ดังกล่าวและพื้นที่ใกล้เคียงสามารถขอรับความช่วยเหลือได้ที่บูธ สสว. และบูธของหน่วยงานพันธมิตรตามวันและเวลาที่กำหนด