นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ ผู้อำนวยการศูนย์เอไอซี คลินิก (AIC Clinic) ผู้บุกเบิกด้านการร้อยไหมละลายเกาหลีในเมืองไทยและผู้บุกเบิกเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์สัมผัสกระดูกด้วยเข็มปลายทู่ อีกทั้งยังเป็นแพทย์วิทยากรและแพทย์ผู้สอนฉีดฟิลเลอร์ระดับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้กล่าวถึงสาเหตุของการเกิดแผลเป็นและรอยหลุมสิวว่า
"ปัญหาหลุมสิวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกลไกซ่อมแซมตัวเองของผิวหนัง เพราะธรรมชาติของผิวหนังมนุษย์ ประกอบด้วยหนังกำพร้าและหนังแท้ โดยระหว่างชั้นหนังกำพร้าและหนังแท้ จะมีชั้นเซลที่เรียกว่า Basal Cell Layer(ชั้นเบซัลเซล) ทำหน้าที่ซ่อมแซมเซลผิวที่สึกหรอ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการเกิดแผลเป็นของผิวหนัง เนื่องจากหากเกิดบาดแผล หรืออาการบาดเจ็บของชั้นผิวหนังที่ลึกจนทำลายชั้น Basal Cell Layer จะส่งผลให้ร่างการผลิตเซลใหม่ หรือ พังผืดขึ้นมาเพื่อยึดเกาะผิวไว้กับเนื้อเยื่อข้างใต้นั้นเอง"
นายแพทย์พุฒิพงศ์ ภูมิสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า แนวทางการรักษารอยแผลเป็นและหลุมสิวนั้นนิยมรักษาด้วยการทำเลเซอร์ ซึ่งบางครั้งความร้อนจากเลเซอร์ทำให้ผิวหนังบางลง และไวต่อแสง ยิ่งทำหลายๆ ครั้งผิวก็จะบางลงจนเห็นเส้นเลือดฝอยเล็กๆ ใต้ผิว และดำคล้ำเมื่อถูกแสงแดด
สำหรับการรักษาแผลเป็นหลุมสิวด้วยฟิลเลอร์นั้นมักไม่ค่อยได้ผล เพราะแผลหลุมสิวมีจะพังผืดใต้ผิวดึงรั้งไว้อย่างไรก็ตามปัจจุบันมีนวัตกรรมการรักษาแบบใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง อย่างที่ประเทศเกาหลี มีนวัตกรรมที่น่าสนใจ คือ "Intradermal air Dissection" (อินทราเดอมอล แอร์ ดีสเซคชั่น) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้เข็มขนาดเล็กมากๆ สะกิดลงใต้ผิวบริเวณที่มีพังผืดเกาะ จากนั้นปล่อยแรงอัดอากาศที่มีความเร็วสูงลงไป เพื่อเลาะพังผืดที่ยึดระหว่างเซลผิวและชั้นผิวออกจากกัน โดยวิธีนี้จะไม่ทำลายเซลผิวและยังช่วยกระตุ้นให้เกิดการแบ่งตัวสร้างเซลผิวใหม่ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งนอกจากจะสามารถรักษาแผลเป็น หลุมสิวและร่องลึกบนใบหน้าแล้ว ยังรักษารอยแตกลายของผิวให้ค่อยๆ หายไป อีกทั้งยังช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง เสมือนได้ผิวใหม่พร้อมหน้าใสอีกด้วย เพราะ พังผืด สามารถเกิดขึ้นได้ตามร่องหว่างคิ้ว หรือร่องติดบริเวณหน้าผาก ซึ่งเกิดจากการหักพับของผิวเป็นเวลานาน ส่งผลให้เซลผิวขาดอ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยง จึงเกิดเป็นพังผืดดึงรั้งผิว และกลายเป็นริ้วรอยนั้นเอง
แต่ทั้งนี้ การดูแลผิวหน้าที่ดีที่สุดก็คือ การป้องกันไม่ให้เกิดแผลเป็น โดยเฉพาะผู้ที่มีสิวมากและอักเสบบ่อยๆ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้อง อาทิ การรับประทานยา และการฉีดยาลดการอักเสบเข้าที่หัวสิว เพราะแผลเป็นหลุมสิวจะเกิดกับหัวสิวที่อักเสบระยะปานกลางหรือมากเท่านั้น เมื่อรักษาสิวให้หายแล้ว ก็ต้องป้องกันการเกิดสิวใหม่ด้วย โดยหมั่นทำความสะอาดผิวหน้าสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 2-3 ครั้ง สำหรับผู้ที่ใช้เครื่องสำอางก็ควรใช้ Cleanser (คลีนเซอร์) เช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด เพื่อลดโอกาสการอุดตันของรูขุมขนอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิวนั้นเอง
สามารถอ่านบทความให้ความรู้ หรือศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aic-clinic.com และwww.facebook.com/aicclinic หรือ โทร. 02 - 287–1200