“AECS” คาดดัชนีหุ้นไทยไตรมาส3 แตะ 1,641 จุด แนะลงทุนหุ้นผลงานเด่น ชู BCH-MONO-PLANB

อังคาร ๑๑ กรกฎาคม ๒๐๑๗ ๑๓:๑๙
บล.เออีซี ประเมินดัชนีตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3/60 ลุ้นแตะ 1,641 จุด แม้เจอแรงกดดันจากเฟดขึ้นดอกเบี้ย และยุโรปส่งสัญญาณลดปริมาณ QE ต่อเนื่อง บวกกับอัตราการขยายตัวของกำไรในตลาดหุ้นไทยน้อยลง เมื่อเทียบตลาดหุ้นเพื่อนบ้าน ส่งผลต่างชาติชะลอลงทุน แนะกลยุทธ์การลงทุนเน้นการเก็งกำไรหุ้นผลงานเด่น ชู BCH, MONO, PLANB, BR, TPCH, TSR, HARN

นายรณกฤต สารินวงศ์ กรรมการผู้จัดการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือAECS กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 3/2560 มีโอกาสที่จะปรับไปแตะระดับ 1,641 จุดได้ แม้ว่าจะยังเจอแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เป็นครั้งที่สองในปีนี้ ทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ระดับ 1.25% โดยยังมีเป้าหมายในการขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งคาดว่าภายในปีนี้จะอยู่ที่ 1.50% แม้ว่าทุกอย่างจะมีแผนกำหนดการไว้แล้ว แต่การขึ้นดอกเบี้ยนี้จะกดดันเม็ดเงินลงทุนต่างชาติในการกระจายการลงทุนมายังภูมิภาคได้

ทั้งนี้ Fed ได้กำหนดให้มีการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง ไปจนถึงปี 2561 มีเป้าหมาย 2.75% ซึ่งจะให้อัตราดอกเบี้ยในอเมริกาอาจสูงกว่าไทย และมีผลต่อการลดปริมาณเงินลงทุนในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะประเทศที่มีการขยายตัวไม่สูง และสิ่งที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ก็คือ การลดปริมาณ QE ของทั้ง FED และ ECB จะกดดันตลาดหุ้นภูมิภาคยิ่งขึ้น นอกจากนี้มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางยุโรปจะเริ่มประเมินแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น รวมทั้งการลดปริมาณ QE

นอกจากนี้เมื่อประเมินโดยเปรียบเทียบตลาดหุ้นในภูมิภาค โดยใช้อัตราการขยายตัวของกำไรต่อหุ้นทั้งของปี2560-2561 พบว่าตลาดหุ้นไทยมีอัตราการขยายตัวที่ระดับ 14.8% อยู่ในลำดับที่ 9 จาก 12 อันดับ ซึ่งถือว่าการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของไทยต่ำกว่าส่วนใหญ่ในภูมิภาค และเมื่อรวมอัตราตอบแทนเงินปันผล 2 ปีเข้าด้วยกัน ตลาดหุ้นไทยจะมีผลตอบแทนรวมที่ 6.15% อยู่ในลำดับ 7 จาก 12 อันดับ ถือว่ามีผลตอบแทนจูงใจปานกลาง ซึ่งจะมีผลต่อ Assets allocation ของนักลงทุนต่างประเทศให้กระจายน้ำหนักการลงทุนเข้ามาในตลาดหุ้นไทยระดับปานกลางจึงทำให้คาดว่าระยะนี้ไปจนถึงสิ้นปีตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญภาวะซบเซา

ดังนั้นจึงแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเน้นการเก็งกำไร จนกระทั่งตลาดให้ผลตอบแทนสูงกว่านี้จึงค่อยเริ่มเข้าลงทุนจริงจังครั้งใหม่ โดยแนะนำหุ้นเด่นในไตรมาส 3/60 อาทิหุ้น BCH ราคาเป้าหมาย 16.00 บาท ซึ่งเป็นหุ้นโรงพยาบาลเอกชนที่มีผู้ประกันตนราว 7.8 แสนคน สูงสุดในไทย (มีสัดส่วนรายได้ SC 35%) และยังรับผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่ส่งต่อจากสถานพยาบาลอื่นได้ในฐานะ Supra Contractor จึงมองเกิดการประหยัดหลังบอร์ดประกันสังคมประกาศปรับขึ้นค่าเหมาจ่ายรายหัวและโรคที่มีภาระเสี่ยงสูงซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค. 60 หนุนให้ตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง 60 คาดมาร์จิ้นจะดีขึ้น เมื่อบวกกับ ตั้งแต่ มิ.ย.-ก.ย. จะมี รพ.ในเครือ 4 แห่งที่รีโนเวตเสร็จทยอยเปิดบริการ และ WMP คาดมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นตามลำดับ จึงคาดปี 2560-2561 BCH จะมีกำไรสุทธิโตเฉลี่ยปีละ 18.2% สร้างสถิติกำไรสูงสุดต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 17.6% จากมูลค่าพื้นฐาน และคาดมีเงินปันผลจ่ายจากกำไรปีนี้หุ้นละ 0.21 คิดเป็นDiv. Yield 1.5%

รองลงมา หุ้น MONO ผู้สร้างทางเลือกใหม่สำหรับฟรีทีวี MONO ยังคงโดดเด่นด้วยธุรกิจดิจิตอลที่วีช่องMONO29 ที่มี Content แข็งแกร่ง (ภาพยนตร์และซี่รีย์ดังจากพันธมิตรต่างประเทศ) ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนจาก Avg. TV Rating เดือน พ.ค. ปรับเพิ่มขึ้น3.3% หนุนแนวโน้มค่าโฆษณาของช่อง MONO29 มีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีก จากสิ้นไตรมาส 1/60 อยู่ที่ 25,000 บาท/นาที เนื่องจากปัจจุบัน CPRP ของช่องยังอยู่ในระดับต่ำถ้าเทียบกับคู่แข่งที่มี Rating ใกล้เคียงกัน และทำให้คาด MONO จะเริ่มพลิกกลับมามีกำไรสุทธิราว 327 ล้านบาทในปี 60 และโตต่อ 34.9% จากปีก่อน ในปี 61 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside13.0% จึงแนะนำ "ซื้อ"

หุ้น PLANB ผู้ให้บริการสื่อนอกบ้าน (OOH) ครบวงจร ที่มีพื้นที่โฆษณาหลากหลายและครอบคลุมพื้นที่กว่า300 แห่งทั่วประเทศ โดยปี 60 คาดกำไรโตเด่น 63.9% สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเม็ดเงินโฆษณาในช่วง 5 เดือน ที่สดใส บวกกับแผนเพิ่ม Media Capacity ในกลุ่มประเทศ AEC ที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ได้เซ็น MOUร่วมทุนกับพันธมิตรจัดตั้งบริษัทให้บริการสื่อนอกบ้านในลาว หนุนรายได้จาก ตปท. โตสดใส ขณะที่ราคาหุ้นมีUpside 18.4% จากมูลค่าพื้นฐาน

หุ้น BR ผู้นำในธุรกิจผลิตอาหารจากเนื้อเป็ดแบบครบวงจร โดยดำเนินธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรมและผลิตอาหารจากเนื้อเป็ดที่มีคุณภาพในระดับพรีเมี่ยม โดยคาดปี 60 กำไรสุทธิโต 124.3% จากการขยายกำลังการผลิตในเนเธอร์แลนด์เพิ่มเป็น 9 ล้านตัว/ปี จากเดิม 5 ล้านตัว/ปี เพราะการรวม Supply Chain และ เครื่องจักร กับ VSE ที่เลิกกิจการในช่วงไตรมาส 4/59 และแผนเพิ่มสินค้าใหม่ Ready to Eat (ธุรกิจมาร์จิ้นสูง) คาดเริ่มผลิตและจำหน่าย ช่วงครึ่งหลังปี 60 มี Upside 16.8% จากราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 8.0 บาท และคาด Div. Yield ปีนี้ 3.8%

หุ้น TPCH ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากชีวมวลในภาคใต้ มีกำลังผลิตติดตั้งทั้งหมด 141MWและเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้วจำนวน 4 โรงกำลังผลิตรวม 39.6MW โดยปี 2560 คาดกำไรสุทธิโต 89.1%ด้วยแรงหนุนจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าชีวมวลทั้ง 4 โรง บวกกับการ COD โรงไฟฟ้า ชีวมวลเพิ่มอีก 2 โรงในช่วง 2H60 คือ PGP (9.9MW) และ SGP (9.9MW) ทำให้ในปี 2560 นี้บริษัทมีโรงไฟฟ้าชีวมวลที่ COD แล้วทั้งสิ้น 6โรง กำลังผลิตรวม 59.4MW อีกทั้งยังมี Upside Risk จากโอกาสในการเข้าร่วมประมูลโครงการ SPP Hybrid Firm (300MW) และ VSPP Semi Firm (289MW) ซึ่งต้องติดตามความชัดเจนจากทางกกพ.ในเรื่องการเปิดประมูลในช่วง2H60 ปัจจุบันมี Upside 23.9% จากราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus ที่ 22.80 บาท และคาด Div. Yield ปีนี้ 1.23%

หุ้น TSR จัดเป็นผู้นำในการขายเครื่องกรองน้ำที่แตกไลน์ธุรกิจมาขายเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วย ทั้งนี้ด้วยแผนเสริมทัพด้วยบุคลากรด้านการขาย ทั้งพนักงานขายทางโทรศัพท์, ตัวแทนขาย และสาขา (เพิ่มอีก 5 สาขา เป็น 25 สาขา และ 3ศูนย์บริการ) บวกกับ ค่าใช้จ่ายหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญที่เริ่มเข้าสู่ระดับปกติ หลังบริษัทประสบความสำเร็จในการคุมเข้มนโยบายขายเชื่อ อีกทั้งยังมีแผนเพิ่มช่องทางขายผ่านสื่อออนไลน์ ภายใต้โครงการผ่อนสบาย เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่ไม่มีบัตรเครดิต พร้อมกับแผนรุกตลาดประเทศลาวด้วยเครื่องกรองน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้า จึงทำให้คาด ปี2560 TSR จะมีกำไรสุทธิ 170 ล้านบาท พลิกกลับมาโตเด่น 111.4% อีกทั้งราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 22.3% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 5.70 บาท (อิง PER 22 เท่า ที่ Fully diluted EPS จากการใช้สิทธิ์ TSR-W1) และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 2.4%

หุ้น HARN ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญการให้บริการ Solution ในงานระบบดับเพลิง ระบบทำความเย็น และระบบพิมพ์ดิจิทัล โดยช่วง 4Q59 ได้เข้าทำการซื้อกิจการทั้งหมดของ บจ. ชิลแมทช์ (CM) รวมถึงการเข้าซื้อ บจ. คิว ทู เอส (QIIS) ซึ่งเป็นบ.ย่อยของ CM (ถือ 100%) หนุนให้ปีนี้จะเป็นปีแรกที่รับรู้รายได้และกำไรจากบริษัทย่อยแบบเต็มปี อีกทั้งดีลนี้ยังช่วยสร้างพลังแห่ง Synergy หลังปรับโครงสร้างธุรกิจอีกด้วย ได้แก่ 1) เพิ่มโอกาสขยายฐานลูกค้าด้วยการแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลลูกค้าระหว่างกัน และ 2) ลดค่าใช้จ่ายบางส่วนจากการใช้ทรัพยากรร่วมกัน อีกทั้งบริษัทมีแผนเพิ่มสินค้านวัตกรรมเพื่อกระตุ้นรายได้รวม พร้อมกับมีแผนเจาะตลาด CLM จึงทำให้คาดปี 2560 HARN จะมีกำไรสุทธิ110 ล้านบาท โตเด่น 171.6% มี Upside 22.6% จากมูลค่าพื้นฐานปี 2560 ที่ 3.80 บาท (อิง PER 20 เท่า ที่ Fully diluted EPS จากการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อซื้อกิจการ และคาดให้ Div. Yield ปีนี้ 4.6%

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๒๒ พ.ย. รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๒๒ พ.ย. ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๒๒ พ.ย. Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๒๒ พ.ย. ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๒๒ พ.ย. โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๒๒ พ.ย. กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๒๒ พ.ย. สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๒๒ พ.ย. 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๒๒ พ.ย. โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๒๒ พ.ย. electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version