สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน K-EQUITY ที่ผ่านมา นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า หากนับรวมการจ่ายปันผลในครั้งนี้ด้วย กองทุนมีการจ่ายปันผลแล้วทั้งสิ้น 24 ครั้ง รวมเป็นอัตรา 26.70 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลดำเนินงาน 1ปี นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2559 – 30 มิถุนายน 2560 กองทุนมีการคำนวณจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นในอัตรา 2.05 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลสำหรับผลดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรก (1 ก.ค. 59- 31 ธ.ค. 59) ไปแล้วในอัตรา 1.05 บาทต่อหน่วย เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา และจะจ่ายเงินปันผลในอัตรา 1.00 บาทต่อหน่วยอีกครั้งในวันที่ 14 กรกฎาคม 2560 ทั้งนี้คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 12.27%ต่อปี (ข้อมูล Bloomberg ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60) สำหรับด้านผลการดำเนินงานของกองทุนที่ผ่านมาอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ โดยผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือนและ 1 ปี อยู่ที่ 3.97% และ 12.35% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ 30 มิ.ย. 60) ทั้งนี้ที่ผ่านมากองทุน K-EQUITY ใช้กลยุทธ์เน้นมุมมองภาพการลงทุนในระยะกลางถึงยาว และเป็นหุ้นของบริษัทที่ยังมีความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ดีแม้ภาวะเศรษฐกิจ ในภาพรวมที่มีความผันผวน จึงทำให้กองทุนสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้เป็นที่น่าพอใจ
ด้านผลการดำเนินงานของกองทุน K-STADE กองทุนมีประวัติการจ่ายปันผลรวมแล้วทั้งสิ้น 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 9.57 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลดำเนินงาน 6 เดือนที่ผ่านมา (ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2560) กองทุนจ่ายปันผลรวมทั้งสิ้นในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย หรือคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย (Dividend Yield) อยู่ที่ 9.51% ต่อปี (ข้อมูล Bloomberg ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60) ขณะที่กองทุนดังกล่าวมีผลตอบแทนย้อนหลัง 6 เดือนและ 1 ปีอยู่ที่ 3.37% และ 10.02% ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 60) ซึ่งที่ผ่านมากองทุน K-STADE ใช้กลยุทธ์เน้นลงทุนในหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอัตราการจ่ายปันผลสูง และมีการกระจายลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเน้นการจับจังหวะการซื้อขายเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กองทุน
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจและการลงทุน "บลจ.กสิกรไทยมีมุมมองเชิงบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง โดยมีปัจจัยขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งการลงทุนและการเบิกจ่ายงบประมาณที่คาดว่าจะมีการเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังขยายตัวใกล้เคียงกับที่คาดไว้ โดยบริษัทประเมินตัวเลขเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 2560 ไว้ที่ประมาณ 3.3-3.4% ในขณะที่ตัวเลขการส่งออกคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตอยู่ที่ 3.5% ส่วนมุมมองการลงทุนในหุ้นไทย เชื่อว่ายังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในปีนี้ โดยบลจ.กสิกรไทย คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปีอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด แต่อย่างไรก็ตามผู้ลงทุนยังคงต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศที่อาจมีผลกระทบต่อการลงทุน ทั้งในด้านนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมไปถึงปัจจัยด้านนโยบายการเงินของ Fed ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนในภูมิภาค และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ในระยะสั้น ทั้งนี้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นไทย บลจ.กสิกรไทยยังคงให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่มีผลประกอบการมีแนวโน้มเติบโตอย่างมั่นคง และเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการลงทุนของภาครัฐในครึ่งปีหลัง รวมถึงภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่มีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางสาวธิดาศิริกล่าว
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K-EQUITY และกองทุน K-STADE สามารถติดต่อขอรับหนังสือชี้ชวนและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือติดต่อ KAsset Contact Center 02673 3888
กองทุน รอบผลการดำเนินงาน อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย)
K-EQUITY 1กรกฎาคม2559 –30 มิถุนายน2560 2.05 (มีการจ่ายปันผลของการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกไปแล้ว1.05 บาทต่อหน่วยเมื่อวันที่13มกราคม2560)
K-STADE 1มกราคม2559-30 มิถุนายน2560 0.20
*คิดจาก NAV วันที่ 30 มิ.ย.60
ผู้ลงทุนโปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายหน่วยลงทุนก่อนตัดสินใจลงทุน ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้ยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต