ชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการหลักสูตร อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป กล่าวว่า "เป็นครั้งที่ 3 ที่ทางหลักสูตรมีการพาไปดูงานต่างประเทศ ขณะเรียนในหลักสูตร ซึ่ง 2 ครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ จีน และญี่ปุ่น โดยวัตถุประสงค์หลักที่เลือกมาสหราชอาณาจักร เนื่องจากสถานการณ์ Brexit (เบรกซิท) ประชามติออกจากการเป็นสมาชิกภาพสหภาพยุโรป ทำให้เกิดวิกฤตค่าเงินปอนด์ลดต่ำลง แต่ในทุกวิกฤตย่อมหมายถึงการมีโอกาส ดังนั้น เราจึงพาคณะนักเรียนอัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป รุ่นนี้ มาดูงานกันที่นี่ เพื่อก่อให้เกิดการลงทุนที่จะสามารถต่อยอดได้ในอนาคตอันใกล้ โดยมีทั้งกิจกรรมวิชาการดูงานและรับฟังการบรรยายจากทั้ง JLL Jones Lang Lasalle (เจแอลแอล โจนส์ แลง ลาซาล) พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง, Lombard Odier (ลอมบาร์ด โอดิเย่) ไพรเวท แบงค์กิ้งของนักลงทุนระดับโลก รวมทั้งได้รับเกียรติจากเอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน มาร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังมีกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์และสร้างคอนเนกชั่นระหว่างผู้เรียน อันได้แก่ กิจกรรมTreasure Hunt (เทรเชอร์ ฮันท์) ที่มีการกระจายกลุ่มให้ผู้เรียนทุกคนได้รู้จักกันนอกเหนือจากกลุ่มของตนเอง"
งานนี้เรียกได้ว่าทั้ง 8 กลุ่มเงิน (แบ่งตามชื่อสกุลเงินของแต่ละประเทศ) ได้แก่ กลุ่มบาท, กลุ่มดอลล่าห์, กลุ่มยูโร, กลุ่มฟรังก์, กลุ่มเปโซ, กลุ่มปอนด์, กลุ่มเยน และกลุ่มหยวน ต่างตั้งใจเกินร้อยเพื่อร่วมทั้งกิจกรรมการลงทุน เริ่มต้นด้วยวันแรก หลังจากบินลัดฟ้ามาลงที่สนามบินฮีทโทรว์ (Heathrow) กรุงลอนดอนในช่วงเช้า คณะได้มีโอกาสไปยัง Cult Wine London (คัลท์ ไวน์ ลอนดอน) พร้อมฟังเรื่องการลงทุนในไวน์ โดย ดร. พล อินทเสนี ประธานและซีอีโอ บริษัท เซ็นจูรี่ อาร์ จำกัด เผยว่า "ปกติคนที่รักไวน์จะซื้อไวน์ไว้เพื่อดื่มและเพื่อเก็บ ซึ่งส่วนใหญ่จะหาซื้อ Fine wine ที่มีแหล่งผลิตจากฝรั่งเศสเป็นหลัก เนื่องจากมีวัตถุดับชั้นดี นั่นคือ องุ่นสายพันธุ์ดี ที่อาจจะไม่ได้มีตลอดทั้งปีเนื่องจากสภาพภูมิอากาศ ทำให้ไวน์ชั้นเลิศนั้นผลิตได้ในปริมาณจำกัด ดังนั้น ทำให้เกิดการซื้อเพื่อลงทุนไวน์เกิดขึ้น ซึ่ง 5 ปีที่ผ่านมาตลาดตรงนี้ โตขึ้นเรียกได้ว่าก้าวกระโดดขึ้นทุกปี แม้จะเป็นตลาดไม่ใหญ่ที่สุด แต่ก็มีมูลค่าสูงถึง 5 พันล้านบาท โดยเหตุผลในเรื่องของการผลิตที่จำกัด ทำให้ไฟน์ไวน์ กลายเป็นสินค้าหายาก (Rare Item) ที่เทียบเท่ากับสินค้าลักชัวรี่ เนื่องจากเมื่อมีจำนวนที่น้อยลง ทำให้มูลค่าของไวน์ในตลาดนักสะสมเพิ่มสูงขึ้น" จากนั้นจึงไปล่องเรือชมความงามของกรุงดอน ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กเบน, ทาวเวอร์ บริดจ์ รวมทั้งการขยายเมืองให้เป็นย่านธุรกิจใหม่ (New CBD) อีกด้วย
สำหรับกิจกรรมในวันที่ 2 เป็นการสร้างความสัมพันธ์ ผ่านกิจกรรม Treasure Hunt (เทรเชอร์ ฮันท์) ระหว่างผู้เข้าเรียน ให้ได้สมานสามัคคี ปฏิบัติภารกิจหาจุดสำคัญและมีประวัติอันยาวนาน ในเมือง Oxford (อ็อกซ์ฟอร์ด) เมืองที่มีมหาวิทยาลัยแห่งแรกของอังกฤษตั้งอยู่ ซึ่งเรียกว่าเป็นกิจกรรมที่ได้ทั้งความสนุกคู่กับการแก้ไขสถานการณ์ในการหาจุดต่างๆ จากนั้นวันสุดท้าย เป็นการดูงานJLL Jones Lang Lasalle (เจแอลแอล โจนส์ แลง ลาซาล) พรอพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ชื่อดัง ที่พาไปชมอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนในประเทศอังกฤษ รวมทั้ง การลงทุนเทคโนโลยีในอนาคต ที่กำลังจะมีส่วนสำคัญในชีวิตมนุษย์ อย่าง Technology funding (เทคโนโลยี ฟันด์ดิ้ง) จาก บริษัท เฟิร์สมินิท แคปิตอล จำกัด เสริมความรู้แบบอัดแน่นกันต่อด้วย Lombard Odier (ลอมบาร์ด โอดิเย่) ไพรเวท แบงค์กิ้งของนักลงทุนระดับโลก ที่มาให้ความรู้ด้านการลงทุนระดับบุคคลพร้อมกับไฮทีแบบฉบับอังกฤษขนานแท้ ปิดท้ายด้วยได้รับเกียรติจาก พิษณุ สุวรรณะชฎ เอกอัครราชทูตไทย ประจำกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์เหนือ มาร่วมพูดคุยในประเด็นสถานการณ์ปัจจุบันในลอนดอน และการนำนวัตกรรมนำเศรษฐกิจในการลงทุน เรียกว่าเป็นการปิดท้ายทริปแห่งความประทับใจกันไปที่สุด
สำหรับหลักสูตร "อัลตร้า เวลท์ กรุ๊ป" จะยังคงเดินหน้าเป็นหลักสูตรด้านการลงทุนสำหรับผู้บริหาร เพื่อเพิ่มพูนความรู้ พร้อมทั้งสานต่อการเชื่อมโยงเครือข่ายระดับซูเปอร์คอนเน็คชั่นต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติมทางwww.ultrawealthgroup.com