นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด กล่าวว่า สัปดาห์นี้ คาดว่าตลาดหุ้นน่าจะปรับขึ้นได้ จากตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาอ่อนทำให้การคาดการณ์ปรับดอกเบี้ยขึ้นของธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอออกไป ซึ่งเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย รวมทั้งไทย ทิศทางโดยรวมยังเป็นบวก โดยเฉพาะการคาดการณ์การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ไตรมาส 2 ของไทย ที่เริ่มออกมา โดยธนาคารจะออกมาก่อน และคาดว่าตัวเลขจะออกมาปานกลาง เพราะคาดว่าสินเชื่อธนาคารจะดีช่วงครึ่งปีหลัง ด้านผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐฯ คาดว่าจะโต 8% ส่วนยุโรป ก็น่าจะออกมาดีเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม พรรครีพับบลิกัน ประกาศเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเลื่อนการลงมติร่างกฎหมายสาธารณสุขที่จะมาแทน Obamacare ทำให้กลับมาไม่เชื่อมั่นว่าทรัมป์ จะออกกฎหมายได้ ทั้งนี้หากกฎหมายโหวตผ่าน ตลาดหุ้นจะปรับขึ้นแน่นอน แต่ถ้าหากกฎหมายไม่ผ่านตลาดหุ้นจะซึมเพราะจะทำให้การเสนอกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ ต้องล่าช้าออกไปอีกเนื่องจาก เม็ดเงินที่ต้องการนำมากระตุ้นเศรษฐกิจจากการลดงบประมาณ Obamacare ไป 3.2 แสนล้านดอลลาร์ จะขาดหายไป
วันพุธที่ 19 ก.ค. จะมีประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ซึ่งคาดว่าจะคงนโยบายการเงินทั้งหมดหลังจากคงประมาณการณ์ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) และลดเป้าเงินเฟ้อไปเมื่อวันศุกร์ BOJ เป็นธนาคารกลางใหญ่แห่งเดียวที่ยังไม่ลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน ขณะที่ FED ลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงินไปแล้ว และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณจะลดมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน
ด้านสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยว่า GDP ขยายตัว 6.9% ในไตรมาส 2/2560 ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากระดับการขยายตัวในไตรมาสแรกทั้งนี้ GDP ไตรมาส 2/2560 ขยายตัวได้ดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 6.8% และสูงกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 6.5% ส่วนในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ GDP ขยายตัว 6.9% เช่นกัน หากเทียบเป็นรายไตรมาสพบว่า GDP ไตรมาส 2 ขยายตัว 1.7%
ด้านปัจจัยในประเทศ สภาพัฒน์กำลังปรับประมาณ GDP ขึ้นเป็นโต 3.5-3.8% จาก 3.3-3.5% เดิมซึ่งถือเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทย
นายวรุตม์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับ Trading Idea สัปดาห์นี้ บล.เอเชีย เวลท์ แนะนำซื้อ BBL ของ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ราคาเป้าหมายปี 60 อยู่ที่ 213.00 บาท จากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังและหลังจากนั้น หนุนโดยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ากว่า 2.4 ล้านล้านบาท หนึ่งในโครงการดังกล่าวจะรวมถึงโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ–นครราชสีมา มูลค่า 1.79 แสนล้านบาท ที่เพิ่งได้รับความเห็นชอบจาก ครม.เมื่อเร็ว ๆ นี้
นอกจากนี้ BBL เผยว่ากำลังพิจารณาปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทร่วมทุน BSR สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง ซึ่งมีมูลค่าโครงการประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะมาจากสินเชื่อธนาคารพาณิชย์
ถึงแม้เราคาดสินเชื่อของธนาคารในไตรมาส 2/60 จะยังหดตัว 1% YTD แต่เราคาดกำไรสุทธิในไตรมาสดังกล่าวจะปรับตัวขึ้น 3% QoQ และ 19% YoY อยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท หนุนโดยค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง แม้อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวม (NPL ratio) ในไตรมาส 2/60 น่าจะปรับตัวขึ้นจาก 3.5% ในไตรมาส 1/60 ตามปัจจัยทางฤดูกาล แต่เรามองว่าคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารจะยังอยู่ในระดับที่ดีจากการที่ธนาคารยังมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage ratio) ค่อนข้างสูงอยู่ถึง 160%
"หุ้น BBL ยังน่าสนใจมากเนื่องจากปัจจุบันซื้อขายกันในอัตราส่วนราคาหุ้นต่อมูลค่าทางบัญชีที่ถูกที่ 0.9 เท่า และมีอัตราเงินปันผลตอบแทนที่เหมาะสมที่ 3.7% เราประมาณการกำไรของ BBL จะเติบโต 7.7% ในปี 60 ก่อนเร่งตัวเติบโต 19.3% ในปี 61" นายวรุตม์ กล่าว
ด้าน Technical รูปแบบราคา (Price Pattern) ของ BBL มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่เป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้งสัญญาณซื้อรายวัน รายสัปดาห์ และรายเดือน หากสามารถเบรคด้วยการปิดตลาดเหนือเป้าหมายถัดไปที่ 188 บาทไปแล้ว จึงมีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่ 198 บาท ทั้งนี้ BBL มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 178.50 บาท