นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "จากการยึดหลักนำเสนอและแนะนำผลิตภัณท์และบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการของลูกค้าเท่านั้น ที่ธนชาตได้ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการขับเคลื่อนธุรกิจมาโดยตลอด จนนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินกลยุทธ์การเป็นธนาคารหลักของลูกค้า (Main Bank) ส่งผลให้ธุรกิจหลักของธนาคาร (Core Banking Business) เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง โดยสินเชื่อรวมของธนาคารได้ปรับเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนในทุกประเภทของสินเชื่อ เป็นผลให้ฐานรายได้รวมของธนาคารเพิ่มขึ้นทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย และค่าใช้จ่ายหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญปรับเพิ่มขึ้น แต่เป็นการปรับเพิ่มขึ้นตามปกติของการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น กำไรสุทธิของธนาคารและบริษัทย่อยในไตรมาส 2 ปี 2560 จึงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,331 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 10 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น1.80% จากไตรมาสก่อน และปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.48% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ในขณะที่งวด 6 เดือน ปี 2560ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 6,603 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.01% จากงวดเดียวกันปีก่อน ด้านคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคารยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงมาอยู่ที่2.16% ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น 20.39%"
นายสมเจตน์ กล่าวว่า "ธนาคารมั่นใจว่าด้วยการดำเนินกลยุทธ์การเป็นธนาคารหลักของลูกค้า (Main Bank) โดยยึดหลักนำเสนอและแนะนำผลิตภัณท์และบริการทางการเงินที่ตรงความต้องการของลูกค้าเท่านั้น จะสามารถสร้างความเจริญเติบโตของธุรกิจหลักของธนาคาร (Core Business) ได้อย่างยั่งยืน ธนาคารจึงยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินกลยุทธ์นี้ต่อไป และจะมุ่งมั่นพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการทำงานและการให้บริการเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวก รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งรวมถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มมาให้บริการแก่ลูกค้าด้วย ที่สำคัญธนาคารจะลงทุนในการยกระดับความสามารถของบุคคลากรของธนาคารและบริษัทย่อย ให้มีความรู้ ความสามารถ และศักยภาพที่จะทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา (Advisor) และแนะนำผลิตภัณท์และบริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมทั้งมีจรรยาบรรณและความโปร่งใสในการทำหน้าที่ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ของธนาคาร จะทำให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์ทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการ ซึ่งจะเป็นผลทำให้ธนาคารได้รับความเชื่อถือจากลูกค้า และสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เพื่อให้แน่ใจว่าธนาคารจะสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป"