นายพงษ์พันธ์ สัมภวคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเพ็กซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (APX) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ได้ปรับโครงสร้างด้านฐานทุนและฐานทางการเงินครั้งใหม่ ทั้งการเพิ่มทุนจดทะเบียนใหม่เพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในสัดส่วน 3 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ และออกวอแรนต์ที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท (APX-W1) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ ต่อ 1 วอร์แรนต์ รวมถึงการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสม และเตรียมจะออกและเสนอขายหุ้นกู้ ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีฐานะทางการเงินและทุนที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้ไปลงทุนตามแผนธุรกิจที่วางไว้ ซึ่งแผนพัฒนาโครงการอสังหาฯ ในช่วง 3 ปีข้างหน้า (ปี 2560 – 2562) เอเพ็กซ์ฯ จะพัฒนาโครงการไปในทำเลที่ตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย อาทิ กรุงเทพฯ ภูเก็ต และพัทยา รวมทั้งสิ้น 9 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,830 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 394% ประกอบด้วยโรงแรม เรสซิเด้นซ์ และศูนย์การค้า โดยมั่นใจว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากผลประกอบการทั้งหมดภายใน 3 ปีโดยประมาณ ซึ่งจะสร้างความมั่นคง และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น
ในปี 2560 เอเพ็กซ์ฯ มีแผนพัฒนาโครงการจำนวนทั้งสิ้น 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 8,580 ล้านบาท ได้แก่ 1)โรงแรม Sheraton Phuket Grand Bay Resort จำนวน 183 ห้องพัก 2) อาคารชุด The Residences at Sheraton Grand Bay จำนวน 101 วิลล่า 3) โรงแรม Four Points by Sheraton Pattaya 306 ห้องพัก 4) โรงแรม So Sofitel Phuket Mai Kao Beach Resort จำนวน 150 ห้องพัก และ 5) อาคารชุด The Residences at Mai Kao Beach Resort จำนวน 96 วิลล่า
ส่วนปี 2561 มีแผนพัฒนาเพิ่มอีก 4 โครงการ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,250 ล้านบาท คือ 1) โครงการคอนโดเทล ในเครือ Marriott จำนวน 210 ห้องพักที่ริมหาดป่าตอง 2 ) ศูนย์การค้าหรู Andaman Plaza ริมหาดป่าตอง 3) โครงการคอนโดเทล Jomtien Beach Residences พัทยา, จำนวน 347 ห้องชุด 4) โครงการคอนโดเทล จำนวนประมาณ 350 ห้องชุด ย่านสุขุมวิท
" แผนดำเนินโครงการทั้ง 9 โครงการ กำหนดแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ซึ่งทำให้การรับรู้รายได้ของปี 2561 และปี 2562 ดีกว่าปี 2560 เป็นอย่างมาก และจากการลดพาร์เพื่อล้างขาดทุนสะสมของบริษัทฯในปีนี้ ทำให้คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ภายในปี 2561 โดยบริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่เกินร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ" นายพงษ์พันธ์กล่าวในที่สุด