บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด จัดประชุมใหญ่ ผู้จำหน่ายรถยนต์ ทาทา มอเตอร์ส ทั่วประเทศ ประจำปี 2560 พร้อมแถลงผลการดำเนินงานในปีงบประมาณที่ผ่านมา และทิศทางการตลาดในปีนี้ รวมทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้จำหน่าย ในขณะที่ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทาทา มอเตอร์ส ดีขึ้นมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
ในปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมรถยนต์เติบโตขึ้นประมาณ 1-2%โดยกลุ่มรถบรรทุกโตมากที่สุด 6% ส่วนรถกระบะประมาณ 3% ซึ่งในไตรมาสแรกของปีนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์ดีขึ้นในเกือบทุกเซกเมนต์ โดยเฉพาะกลุ่มรถกระบะ และกลุ่มรถบรรทุก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีกับอุตสาหกรรมรถยนต์
ส่วน ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ในปีงบประมาณที่ผ่านมา เติบโตขึ้น 20% และในกลุ่มของรถกระบะขนาด 1 ตันโตขึ้นประมาณ 40% โดยไม่รวมกระบะขนาดเล็ก ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ (Super Ace Mint)
ทางด้าน นายซานเจย์ มิชรา กรรมการผู้จัดการบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า "นอกเหนือจากยอดจำหน่ายและการเติบโตขึ้นในตลาดของ ทาทา มอเตอร์ส ในปีงบประมาณที่ผ่านมาแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่า แบรนด์ของเราได้รับการยอมรับ ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้ามากขึ้น คือ ผลจากการสำรวจความเชื่อมั่นในแบรนด์รถกระบะของคนไทย แบรนด์ทาทา มอเตอร์ส ถูกจัดอยู่ในอันดับ 7 ซึ่งมีแนวโน้มในทิศทางที่ดีขึ้น จากเดิมที่อยู่ในอันดับ 8 จากทั้งหมด 10 แบรนด์ที่จำหน่ายรถกระบะในตลาด"
"แน่นอนว่า เราจะไม่หยุดพัฒนา และพร้อมเสริมศักยภาพในทุกๆ ด้าน เพื่อสร้างแบรนด์ของเราให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ลงตลาด ที่จะทำให้ผู้จำหน่ายมีสินค้าใหม่มานำเสนอให้กับลูกค้าได้มากขึ้น ในช่วงต้นปีเราเพิ่งเปิดตัว รถบรรทุก 6 ล้อ ทาทา อัลทรา (Ultra) และภายในปีนี้เราจะนำ อัลทรา รุ่นย่อยมาเพิ่มเติมอีก ประเทศไทยเป็นตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่ง ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ก็พร้อมที่จะเสริมผลิตภัณฑ์รถเพื่อการพาณิชย์เพื่อตอบสนองการใช้งานของลูกค้าในทุกรูปแบบ ซึ่งเป็นนโยบายที่สอดคล้องกับเป้าหมายหลักของ ทาทา มอเตอร์ส (อินเดีย) บริษัทแม่ที่ต้องการผลักดันให้ทาทา มอเตอร์ส เป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ของโลก ในกลุ่มรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ ในปัจจุบันเราอยู่ในอันดับที่ 4 และ 5 ในส่วนของรถบัสและรถบรรทุก" นายซานเจย์กล่าวเสริม
ทางด้านกลยุทธ์การตลาด ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย มีการปรับกลยุทธ์ให้แข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะในส่วนของผลิตภัณฑ์ที่วางเป้าหมายจะให้มีสินค้าครบในทุกเซ็กเมนท์ การปรับกลยุทธ์ด้านราคาและโปรโมชั่นที่ทำให้ผู้จำหน่ายสามารถแข่งขันในตลาดได้ รวมทั้งตอบสนองลูกค้าให้สามารถเป็นเจ้าของรถทาทา ในราคาที่คุ้มค่าคุ้มราคา ประหยัดต้นทุนได้มากที่สุด ในส่วนของโครงสร้างอะไหล่ชิ้นส่วนต่างๆ ค่ามาตรฐานของการมีอะไหล่พอเพียงในอุตสาหกรรมรถยนต์อยู่ที่ 92% ในขณะที่ค่ามาตรฐานของ ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย อยู่ที่ 95% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า บริษัทฯ มีความพร้อมที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทันที และเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักในการสร้างความแข็งแกร่งด้านบริการหลังการขาย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทฯ ก็เพิ่งพัฒนารถโมบายเซอร์วิสรุ่นใหม่ออกมา เพื่อให้บริการลูกค้านอกสถานที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ส่วนแผนการย้ายสถานที่ประกอบรถยนต์ทาทา ปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการขนย้ายเครื่องจักรเพื่อไปติดตั้ง ณ โรงงานแห่งใหม่ และบริษัทฯ ก็ใช้โอกาสนี้ในการปรับปรุง ยกระดับคุณภาพ และความสามารถในการประกอบรถยนต์ ทาทา ซีนอน รวมทั้งจะประกอบรถ ทาทา ซูเปอร์เอซ มินท์ ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และจะเป็นโรงงานประกอบที่สามารถรองรับการผลิตที่จะขยายมากขึ้นในอนาคต