ดาโต๊ะ ราเมลี่ บิน มูซา รองประธานกรรมการ บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เรามีความยินดีที่ได้เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ของอาเซียนรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้บริษัทขอประกาศอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มบริษัทจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 578,442,900 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1.33 บาท (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท) ให้กับนักลงทุนทั่วไป โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) คิดเป็น 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในโครงการใหม่ๆเพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้าและใช้คืนเงินกู้ของกลุ่มบริษัทรวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
นายอับดุล ราฮิม บิน ฮายี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "เราเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ชั้นนำระดับอาเซียน ซึ่งผลิตสินค้าส่งออกทั่วโลกโดยบริษัทตั้งเป้าเป็นบริษัทอาเซียนที่มีฐานลูกค้ากระจายทั่วโลก บริษัทประกอบด้วยบริษัทย่อยทั้งหมด 9 บริษัท ใน 4 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย อินโดนีเซียและอินเดีย ซึ่งบริษัทมีจุดแข็งคือความสามารถด้านเทคโนโลยีการผลิต และยังพัฒนาความแข็งแกร่งในด้านนวัตกรรมการผลิต เช่น โรงงานผลิตที่มีเทคโนโลยีสูง มุ่งเน้นที่จะผลิตผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพสูงสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำมากกมาย เช่น ฮอนด้า มิตซูบิชิ
ฟอร์ด มาสด้า เจนเนอรัล มอร์เตอร์ อีซูซุ ซูซุกิ นิสสัน โตโยตา ไดฮัทสุ เพอโรดัว และโปรตอน ซึ่งเป็นรถประจำชาติของมาเลเซีย รวมถึงบริษัทรถยนต์ในอินเดีย อาทิ มารูติ-ซูซุกิ เฟียต และ มหินดรา-มหินดรา เราคาดว่าตลาดรถยนต์อาเซียนจะมีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งและตลาดอินเดียจะมีการขยายตัวอย่างสูง การที่บริษัทฯยังมีเทคโนโลยี การผลิตขั้นสูงที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ บวกกับความชำนาญเฉพาะด้านของบุคลากร ทำให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันในตลาดที่มีศักยภาพสูงเพื่อสร้างธุรกิจที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ผลิตภัณฑ์ของเราได้รับการจัดจำหน่ายให้กับฐานลูกค้าที่หลากหลายตั้งแต่ รถยนต์นั่ง สปอร์ตยูทิลิตี้ (SUV) รถบรรทุกกระบะหนึ่งตันและรถบรรทุกขนาดเล็กในทุกประเทศในกลุ่มอาเซียน
คุณวันทนา เพชรฤกษ์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายกล่าวว่า "เราเชื่อว่าราคาหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ INGRS ที่ 1.33 บาทตามที่ได้เซ็นสัญญาการรับประกันการ จัดจำหน่ายในวันนี้ เป็นราคาที่เหมาะสมและจะเป็นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุน เพราะ INGRS เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในเอเชียระดับ tier-1 และมีฐานลูกค้าขนาดใหญ่ใน 4 ประเทศ ดังนั้นจึงมีการบริหารความเสี่ยงที่ดีกว่า บริษัทอื่นที่ดำเนินกิจการหลักในประเทศไทยที่เดียว การประเมินค่าราคาเสนอขาย IPO มีส่วนลดพอสมควรจากราคาเป้าหมายของนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าธุรกิจของบริษัทฯจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วง 2 ปีนี้ ส่วนการ จองหุ้น IPO ของ INGRS คาดว่านักลงทุนจะสามารถจองได้ที่ บริษัทผู้จัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส จำกัด บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด และ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ซึ่งคาดว่าจะเปิด ให้จองซื้อช่วงต้นเดือนสิงหาคมนี้โดยรายละเอียดการเสนอขายทั้งหมดอยู่ในแบบแสดงรายการข้อมูลซึ่งจะคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 27 กรกฎาคม
ทั้งนี้บริษัท อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียน 1,446,942,690 บาท สำหรับงบปี 2560 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2560 บริษัทฯมีรายได้รวม 2,915.90 ล้านบาทและกำไรสุทธิ (ก่อนหักส่วนที่เป็นของผู้มีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมของบริษัทย่อย) 210.40 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 19
จาก 177.00 ล้านบาท หากเทียบกับงบปี 2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2559 ซึ่งบริษัทมีรายได้ 3,158.60 ล้านบาท แม้ว่ากลุ่มบริษัทฯจะต้องรับรู้การคำนวณภาษีเงินได้ใหม่ โดยไม่มีมูลค่าตามเกณฑ์ภาษีล่าสุด 32 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 7.22 % แม้ว่ารายได้จะลดลงก็ตาม อย่างไรก็ตาม กลุ่มบริษัทฯคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในอาเซียนและการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด INGRS มีนโยบายการจ่ายเงินปันผล 40 % ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังการจัดสรรเงินสำรองตามกฏหมาย