ปภ.ติดตั้งสถานีด้านพิกัดและระดับความสูงเพื่อประเมินความเสียหายด้วยระบบดาวเทียมนำทาง ในพื้นที่เสี่ยงภัยภาคกลาง เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการสาธารณภัยตามมาตรฐานาสากล

อังคาร ๐๑ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๗:๓๖
กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการจัดตั้งสถานีพิกัดและระดับความสูง เพื่อประเมินความเสียหายในพื้นที่เสี่ยงภัย ด้วยระบบดาวเทียมนำทางในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลางจำนวน 6 สถานี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ปราจีนบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และอ่างทอง พร้อมเชื่อมโยงกับสถานีฐานของกรมที่ดิน และกรมโยธาธิการและผังเมือง รวม 83 สถานี เพื่อนำข้อมูลไปประกอบการจัดทำแผนที่เสี่ยงอุทกภัยการจัดทำรังวัดที่ได้มาตรฐาน การประเมินความเสียหายของพื้นที่ประสบอุทกภัย และมาตรฐานเวลาของประเทศไทย เพื่อให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีสนับสนุนการจัดการสาธารณภัยตามมาตรฐานสากล สอดรับกับนโยบาย "Thailand 4.0" ของรัฐบาล

นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า สาธารณภัยมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น สร้างความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินจำนวนมาก รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ให้ความสำคัญกับการจัดการสาธารณภัยที่ครอบคลุมทุกมิติ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการบริหารจัดการสาธารณภัยของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินโครงการจัดตั้งสถานีพิกัดและระดับความสูง เพื่อประเมินความเสียหายในพื้นที่เสี่ยงภัย ด้วยระบบดาวเทียมนำทาง GNSS (Global Navigation Satellite System) สำหรับเป็นหมุดหลักฐานอ้างอิงในการทำแผนที่เสี่ยงอุทกภัย การจัดทำรังวัดที่ได้มาตรฐาน การประเมินความเสียหายของพื้นที่ประสบอุทกภัย และมาตรฐานเวลาของประเทศไทย โดยสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (องค์การมหาชน) และสถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เป็นหน่วยสนับสนุนด้านเทคนิคและบุคลากรในการติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานด้านเวลาและความถี่ สถานีอ้างอิงแบบถาวร เพื่อใช้เป็นโครงข่ายหมุดหลักฐานอ้างอิงสำหรับพิกัดและเวลามาตรฐานของประเทศไทย ด้วยระบบดาวเทียมนำทางในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยภาคกลาง จำนวน 6 สถานี ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี ปราจีนบุรี นครปฐม สมุทรปราการ และอ่างทอง พร้อมเชื่อมโยงกับสถานีฐานของกรมที่ดิน และกรมโยธาธิการและผังเมือง รวม 83 สถานี และภายในปี พ.ศ. 2561 จะเพิ่มจำนวนเป็น 222 สถานีทั่วประเทศ ซึ่งการดำเนินโครงการฯ ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลหลักค่าพิกัดทางราบและทางดิ่งที่มีความแม่นยำสูง เวลามาตรฐาน

ของประเทศไทย และข้อมูลสภาวะแวดล้อมในพื้นที่ลุ่มน้ำภาคกลาง อาทิ อุณภูมิ ความชื้น ความกดอากาศ ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการจัดการสาธารณภัยของประเทศ การพัฒนาด้านคมนาคมและขนส่ง การจัดทำ Smart City รวมถึงบริการด้านการแพทย์และสาธารณสุข ทั้งนี้ ได้จัดพิธีเปิดอนุสาวรีย์หมุดหลักฐานสำหรับอ้างอิงค่าพิกัดและเวลามาตรฐานประเทศไทย ด้วยสัญญาณจากระบบดาวเทียมนำทางสากล ในวันที่ 1 สิงหาคม 2560 ณ อาคารผดุงมาตร สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ ตำบลคลองห้า อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี กล่าวได้ว่า โครงการฯ ดังกล่าว ทำให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีสนับสนุนการจัดการสาธารณภัยตามมาตรฐานสากล รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนโยบาย "Thailand 4.0" ของรัฐบาล

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๗:๔๗ เอ. เจ. พลาสท์ คว้า 2 รางวัลใหญ่ จาก SET Awards 2024 และได้รับการประเมิน CGR ดีเลิศ ระดับ 5 ดาว
๑๖:๑๓ เปิดมาตรการ พักหนี้ ลดดอกเบี้ย ช่วยเหลือ SMEs ถูกน้ำท่วมในงาน มันนี่ เอ็กซ์โป 2024 เชียงใหม่
๑๖:๓๙ หน้าหนาวมาเยือน! กรมอนามัยเตือนดูแลสุขภาพให้พร้อม เด็กเล็ก-ผู้สูงอายุเสี่ยงเจ็บป่วยง่าย
๑๖:๕๗ เปิดรันเวย์อวดผลงานไอเดียสร้างสรรค์ของ 5 ผู้ชนะรางวัลทุนการศึกษา จากโครงการ Jaspal Group Scholarship Program
๑๖:๐๘ กิฟฟารีน แนะนำไอเทมเด็ด กิฟฟารีน เอช เอ็ม บี พลัส วิตามินดี 3 สำหรับช่วยดูแลมวลกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
๑๕:๐๑ ไขข้อสงสัย สินเชื่อรถแลกเงินคืออะไร
๑๕:๓๘ ซื้อมอเตอร์ไซค์ ออกรถใหม่ มีขั้นตอนอย่างไร ต้องเตรียมอะไรบ้าง
๑๕:๐๕ ยางขอบ 17 ยี่ห้อไหนดีที่ขับขี่สนุก และยังคงนุ่มสบาย
๑๔:๕๖ heygoody คว้าแชมป์จากเวที Thailand Influencer Awards 2024 ตอกย้ำความเข้าใจลูกค้า Introvert
๑๔:๐๓ เมืองไทยประกันชีวิต คว้า 4 รางวัลใหญ่ระดับสากล ด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล และเป็นองค์กรสถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการ