พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานสถานการณ์อุทกภัยจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยหลายจังหวัดสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย ขณะที่จังหวัดที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยระดับน้ำเริ่มลดลง นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ จึงได้สั่งกำชับให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกับหน่วยทหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหาอุทกภัยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละพื้นที่ แยกเป็น 1. จังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งสำรวจ ประเมิน พร้อมจัดทำบัญชีความเสียหายให้ครอบคลุมทุกด้าน ทั้งที่อยู่อาศัย พื้นที่การเกษตร ปศุสัตว์ สาธารณูปโภค เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ วางแผนแก้ไขปัญหาได้สอดคล้องกับสภาพความเสียหาย รวมถึงซ่อมแซม และฟื้นฟูสิ่งสาธารณประโยชน์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ โดยเฉพาะระบบการสื่อสาร ประปา ไฟฟ้า และเส้นทางคมนาคม เพื่อให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด 2. จังหวัดที่ยังมีสถานการณ์อุทกภัย ให้ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ประสบภัย มุ่งดำเนินการเชิงรุกในการเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยทุกครัวเรือน เพื่อมิให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนอาหารและน้ำดื่ม พร้อมทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่และเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยให้บริการด้านต่างๆ แก่ประชาชน ควบคู่กับการเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ลุ่มต่ำและพื้นที่จุดอ่อนน้ำท่วมขัง โดยประสานสำนักงานชลประทานในพื้นที่ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำให้เหมาะสมกับสภาพภูมิประเทศและเส้นทางการไหลของน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำจากพื้นที่น้ำท่วมขังไปยังลำน้ำสาขา ก่อนออกสู่แม่น้ำสายหลัก 3. จังหวัดที่ตั้งอยู่ในเส้นทางไหลของน้ำ ให้เตรียมพร้อมรับมือมวลน้ำที่จะไหลเข้าสู่พื้นที่ โดยติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำ เตรียมพร่องน้ำในอ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติ รวมถึงขุดลอกคูคลอง กำจัดขยะ วัชพืช และสิ่งกีดขวางทางน้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่รองรับน้ำและเร่งระบายน้ำที่ไหลมาสมทบให้ออกสู่แม่น้ำสายหลักโดยเร็วที่สุด พร้อมแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำให้ติดตามสถานการณ์น้ำและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด รวมถึงเตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง เพื่อรับมือกับสถานการณ์น้ำหลากได้อย่างทันท่วงที
นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ปภ.ได้เน้นย้ำหน่วยปฏิบัติในระดับพื้นที่ ให้ประสานการเชื่อมโยงการระบายน้ำในพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัดอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของพนังกั้นน้ำ รวมถึงจัดทำแนวคันกั้นน้ำล้อมรอบสถานที่สำคัญ และพื้นที่เขตเศรษฐกิจของจังหวัด เพื่อลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำหลาก ตลอดจนติดตามข้อมูลปริมาณฝน สถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อวางแผนการระบายน้ำได้สอดคล้องกับสภาพปัญหา ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าหน่วยงานภาครัฐพร้อมบูรณาการทุกภาคส่วนให้การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นและคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์อุทกภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป
0-2243-0674 0-2243-2200 www.disaster.go.th