พร้อมกันนี้ ได้ขอให้มีการประกาศกระทรวงฯ กำหนดขนาด/สัดส่วนสัตว์น้ำขนาดเล็กที่ไม่ควรทำการประมง และห้ามนำขึ้นเรือประมง โดยใช้ประกอบอัตราส่วนที่อาจถูกจับโดยบังเอิญ ซึ่งได้เสนอให้ประกาศ"ขนาดปลาทู" ขนาดต่ำกว่า 35 ตัวต่อ 1 กิโลกรัม ห้ามทำการประมงและจับได้โดยบังเอิญ ได้ไม่เกินอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักปริมาณสัตว์น้ำทั้งหมด เนื่องจากปัจจุบันมีการทำประมงที่มุ่งจับสัตว์น้ำขนาดเล็กมากเกินไป ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำขนาดเต็มวัย เช่น ลูกปลาทูขนาดเล็ก เป็นต้น
นอกจากนี้ สมาคมสมาพันธ์ชาวประมงพื้นบ้านฯ ได้ขอให้รัฐบาลเร่งรัดและแก้ไขพระราชกำหนดการประมง พ.ศ 2558 โดยให้ยกเลิกมาตรา 34 พร้อมทั้งขอให้มีการพิจารณากำหนดขอบเขตในการทำประมงพื้นบ้านและประมงพาณิชย์อย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า รัฐบาลได้มีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของชาวประมง ซึ่งได้มีการดำเนินการเพื่อให้เกิดการทำการประมงอย่างยั่งยืน โดยจะนำประเด็นข้อเสนอดังกล่าวเข้าสู่การประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาประมง ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2560 ณ กรมประมง ร่วมกับตัวแทนชาวประมงพื้นบ้านทุกจังหวัดเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการทำประมงพื้นบ้านในประเด็นต่างๆ ร่วมกันต่อไป