นายกณพงศ์ เทพากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน สำนักงานปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบการดำเนินโครงการพลังงานชุมชน 10 ปี กระทรวงพลังงานได้จัดกิจกรรมพิเศษมอบรางวัล "สุดยอดคนพลังงาน" และครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นในภาคใต้ มอบรางวัลระดับจังหวัด และระดับภาค เพื่อเตรียมคัดเลือกสุดยอดคนพลังงานในดับประเทศต่อไป
"การดำเนินโครงการพลังงานชุมชนตลอด 10 ปี ได้สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชนจำนวน 1,676 แห่ง สร้างโอกาสพัฒนาต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชนลดใช้พลังงานกว่า 188 กลุ่ม สำหรับภาคใต้มีความตื่นตัวเรื่องพลังงานมาก เพราะพื้นที่เกาะส่วนใหญ่ของภาคใต้จะใช้พลังงานทดแทนประเภทแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเรื่องความเหมาะสมของพลังงานในแต่ละพื้นที่ สำหรับการมอบรางวัลที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ที่ภาคใต้นี้ มีผู้ชนะระดับจังหวัดทั้งหมด 14 จังหวัด จากนั้นได้มาคัดเลือกเฟ้นหาสุดยอดคนพลังงานที่เป็นระดับภาค โดยภาคใต้คว้ารางวัลระดับภาคไปทั้งหมด 12 รางวัล จากผู้ชนะ 5 จังหวัดที่เข้ารอบ และงานนี้ได้รับความสนใจของคนในจังหวัดและประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี และต้องติดตามต่อไปว่ารางวัลสุดยอดคนพลังงานระดับประเทศจะอยู่ที่ภาคใต้กี่รางวัล"
โดยเกณฑ์การคัดเลือกและมอบรางวัล "สุดยอดคนพลังงาน" ผ่านแนวคิด "พลังงานสร้างคน คนสร้างพลังงานยั่งยืน" ประจำปี พ.ศ. 2560 แบ่งเป็น ระดับจังหวัด ระดับภูมิภาค และระดับประเทศ โดยเริ่มมอบรางวัลครั้งที่ 1 ที่ภาคกลาง (จากทั้งหมด 4 ภาคทั่วประเทศ) เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 สำหรับครั้งนี้เป็นการมอบรางวัลสุดยอดคนพลังงาน ครั้งที่ 3 ในภาคใต้ จัดขึ้น ณ โรงเรียนสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเริ่มจากมอบรางวัลผู้ชนะระดับจังหวัด และคัดสุดยอดของแต่ละจังหวัด เป็นผู้ชนะรางวัลระดับภาค โดยภาคใต้นั้นมีจังหวัดผู้ชนะที่เข้าร่วม 14 จังหวัด ใน 4 สาขา และคัดสุดยอดในแต่ละสาขา มาคัดเลือกเป็นผู้ชนะระดับภาคเพื่อเข้าสู่การแข่งขันในระดับประเทศต่อไป
สำหรับ 4 สาขาที่มีการมอบรางวัล ประกอบด้วย 1.สาขาอาสาสมัครพลังงานชุมชนยอดเยี่ยม 2.สาขาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดการพลังงานครบวงจรยอดเยี่ยม 3.สาขาวิสาหกิจลดใช้พลังงานยอดเยี่ยม 4.สาขาโครงการพลังงานชุมชนแบบมีส่วนร่วมยอดเยี่ยม ซึ่งผู้ที่ได้รับรางวัลระดับภาค และสำนักงานพลังงานจังหวัดจะได้รับเชิญเข้าร่วมในพิธีมอบรางวัล "สุดยอดคนพลังงาน" ระดับประเทศต่อไป โดยจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 13-17 กันยายน 2560 ณ ห้องไดมอน ศูนย์การค้าเซียร์รังสิต อีกทั้ง ภายในงานยังจัดให้มีกิจกรรม Open House "กิจกรรมเปิดบ้าน...พลังงานชุมชน" อีกด้วย
ด้านนายอุทัย ภูริพงศธร พลังงานจังหวัดสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า การใช้ไฟฟ้าภาคใต้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.2 % ต่อปี (13,233 – 21,871 เมกะวัตต์) และภาคใต้ยังคงมีความเสี่ยงเรื่องระบบความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้ามาอย่างต่อเนื่อง อีกทางหนึ่งจังหวัดก็ทำเรื่องการพัฒนาพลังงานในภาคใต้ควบคู่ไป โดยการให้ความสำคัญกับพลังงานทดแทน และยังคงส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนได้มีองค์ความรู้เทคโนโลยีพลังงานเพื่อนำไปใช้ในครัวเรือน ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มรายได้และเสริมความมั่นคงด้านไฟฟ้าในภาคใต้ได้ต่อไป
"โครงการวางแผนพลังงานชุมชน ได้สร้างองค์ความรู้ใหม่ ๆ ด้านพลังงาน ชาวบ้านได้รู้จักเทคโนโลยีที่จะนำไปใช้ผลิตพลังงานใช้เองได้ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในกระบวนการผลิต สามารถประหยัดพลังงานมากขึ้นจากการใช้พลังงานทดแทนซึ่งหาได้จากวัตถุดิบในพื้นที่ สำหรับภาคใต้พื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่จะใช้พลังงานทดแทนประเภทแสงอาทิตย์ ด้วยสภาพพื้นที่เหมาะสมและปัจจุบันได้ขยายต่อความรู้ไปยังชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ ในเรื่องพลังงานทดแทนชนิดอื่น ๆ ด้วย ก็หวังว่าในอนาคตเมื่อโครงการพลังงานชุมชนแข็งแกร่งขึ้นจะสามารถเสริมความมั่นคงพลังงานไฟฟ้าให้กับภาคใต้ได้ต่อไป"
ปัจจุบัน โครงการวางแผนพลังงานชุมชน : Local Energy Planning (LEP) 2549 - 2560 ได้สร้างอาสาสมัครพลังงานชุมชน (อสพน.) จำนวนกว่า 6,042 คน โดย อสพน. คือประชาชนที่มีจิตอาสาทำงานร่วมกับกระทรวงพลังงาน ในการขับเคลื่อน และพัฒนาพลังงานไทย ด้วยแนวคิด รู้-รักษ์-ตระหนัก-สร้าง กระจายในชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ โดยพัฒนาตนเองต่อยอดไปสู่นักวิจัยพลังงาน 380 คน ช่างเทคโนโลยีพลังงานชุมชน 172 คน นักสื่อสารพลังงาน 2,879 คน วิทยากร 514 คน และได้สร้างการมีส่วนร่วมกับชุมชน จำนวน 1,676 ชุมชน ก่อเกิดแหล่งเรียนรู้ด้านพลังงาน 210 แห่ง เกิดอาชีพด้านพลังงานที่ผลิตและจัดจำหน่ายเทคโนโลยีพลังงานระดับชุมชนจำนวน 172 แห่ง สร้างนวัตกรรมเทคโนโลยีพลังงาน 56 สร้างโอกาสพัฒนาต่อยอดสู่วิสาหกิจชุมชนลดใช้พลังงานกว่า 188 กลุ่ม สามารถลดค่าใช้จ่ายพลังงานได้ 5 ล้านบาทต่อปี และลดจากการประหยัดพลังงานของบ้านตัวอย่างได้ 28 ล้านบาทต่อปี เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนของครัวเรือนที่เข้าร่วมโครงการได้กว่า 8 แสนบาทต่อปี