นางสาวสุกัญญา สุขเจริญไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย แคปปิตอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ACAP เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าแผนการขยายพอร์ตสินเชื่อภายใน 5 ปี (2560-2564) ไว้ที่ระดับ 2 หมื่นล้านบาท เป็นผลมาจากการที่ ACAP มีฐานทุนที่แข็งแกร่งทำให้มีศักยภาพในการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่มผู้ประกอบการได้ครบทุกกลุ่ม ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่
ส่วนแนวโน้มแผนการขยายธุรกิจในครึ่งปีหลังนั้น บริษัทฯยังคงเร่งขยายพอร์ตการปล่อยสินชื่ออย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดบริษัทฯมีพอร์ตที่รอระหว่างการอนุมัติอีก 15 รายซึ่งคิดเป็นมูลค่ารวม 4,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการทั้งขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ โดยยังคงคำนึงถึงการพิจารณา และเพิ่มความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อเป็นสำคัญ
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 2/2560 นั้น โดยส่วนตัวเชื่อว่ามีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2560 ที่มีรายได้ 193.82 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 73.51 ล้านบาท เนื่องจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ โดยล่าสุด บริษัทฯปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 5,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่าปี2559 ทั้งปีที่มีการปล่อยสินเชื่อที่ระดับ 4,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อไว้ที่ 6,000 ล้านบาท ส่วนจะมีการขยับเป้าการปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถระบุได้ ทั้งนี้คงต้องมีหารือกับคณะกรรมการบริษัทฯในเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
ส่วนเรื่องข่าวการยกเลิกกฎหมายขายฝากไม่ได้มีผลกระทบกับการดำเนินกิจการของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากภาครัฐได้มีการแก้กฎหมายการบังคับจำนองไปแล้วเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพื่อให้มีความคล่องตัวและรวดเร็วยิ่งขึ้นในการบังคับหลักประกัน อีกทั้งส่วนตัวยังเชื่อว่ากฎหมายขายฝากยังคงมีอยู่ต่อไป เพราะเป็นรายได้สำคัญของภาครัฐและเป็นกฎหมายที่มีมานานแล้วตัวกฎหมายไม่ได้มีข้อบกพร่องแต่อย่างใดแต่ที่บกพร่องคือเจตนาของคนที่ใช้มากกว่า ทั้งนี้ในพอร์ตสินเชื่อของบริษัทเองมีสัดส่วนการจำนอง จำนำมากว่าขายฝากเพราะลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนิติบุคคล บุคคลธรรมดามีน้อยมากซึ่งก็ได้ไถ่ถอนไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยทั่วไปเราใช้การจำนำจำนองเป็นหลักเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจและคัดกรองลูกค้าที่มีคุณภาพ ที่ผ่านมาก็มีข่าวลือเกี่ยวกับ บริษัทมากมายซึ่งก็แล้วแต่ไม่เป็นความจริงเลยซักครั้ง ดังนั้นจึงอยากให้นักลงทุนดูที่ผลการดำเนินงานมากกว่า อุปสรรคในการดำเนินธุรกิจถือเป็นเรื่องธรรมดา อยู่ที่การใช้สติและความสามารถรวมถึงธรรมภิบาลในการแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งนี้ทางทีมผู้บริหารเราก็ดำเนินงานด้วยความระมัดระวังรอบคอบและยึดหลักธรรมภิบาลเป็นสำคัญ "เราคงไม่สามารถตามแก้ข่าวลือต่างๆ ได้ แต่เราเชื่อในหลักของความถูกต้อง ระยะทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์ผลงาน" ซึ่งก็ขอบคุณทุกกำลังใจและนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่นและให้โอกาสทีมบริหารได้พิสูจน์ผลงาน กำลังใจและความเชื่อมั่นเหล่านี้มีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใดและเป็นสิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
ส่วนด้านธุรกิจการให้บริการ Call Center ภายใต้การดูแลของบริษัทย่อย โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ จำกัด นั้น ACAP อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมในการนำบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาหาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในเร็วๆนี้ และมีแผนเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (Filing)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในไตรมาส2/2561
ทั้งนี้ ยอมรับว่าธุรกิจ Call Center มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ACAP ในฐานะบริษัทแม่ จึงอยากจะผลักดันให้บริษัทดังกล่าวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ เพราะบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ เป็นบริษัทที่ทำรายได้ให้ACAP คิดเป็น 30 % ของรายได้รวมทั้งหมดและพร้อมที่จะขยายธุรกิจในภาคการบริการให้เพิ่มมากขึ้น โดยปีนี้ ACAP ตั้งเป้ารายได้จากบริษัท โกลบอล เซอร์วิส เซ็นเตอร์ ไว้ที่ 150-160 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 135 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการรักษาฐานกลุ่ม ลูกค้ารายเดิม และมีการขยายฐานไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะ หน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน รวมถึงโครงการขนาดใหญ่ ที่มีความต้องการใช้บริการของธุรกิจดังกล่าว