ศาสตร์พระราชา จึงกลายเป็นศาสตร์ที่ทำให้ดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง สันติสุข และยั่งยืนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ จึงมอบหมายให้ศึกษาธิการจังหวัดทั่วประเทศ ประสานกับหน่วยงานในพื้นที่ทั้งระดับจังหวัดและอำเภอ นำศาสตร์พระราชาเข้าสู่ระบบการศึกษาและเรียนรู้ เพื่อเป็นการให้ความรู้ติดตัวเด็ก และเยาวชนรุ่นใหม่ไปจนกระทั่งเจริญเติบโต และให้ศาสตร์พระราชาเป็นแกนในการขับเคลื่อนประเทศอย่างยั่งยืน
เครือข่ายครูดีของแผ่นดิน ได้เล็งเห็นความสำคัญ และมุ่งมั่นที่จะ สร้างพัฒนาคนดีให้แผ่นดิน จึงจัดอบรม ศาสตร์แห่งพระราชา เพื่อการเป็นครูดีของแผ่นดิน เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ให้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา ครู คณาจารย์ต่างๆทั่วประเทศ ในวันที่ 28-30 กรกฏาคม 2560 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมตรัง กรุงเทพมหานคร โดยการอบรมครั้งนี้ ทางเครือข่ายครูดีของแผ่นดิน นำวิทยากรชื่อดังระดับประเทศ 5 ท่าน มาร่วมแชร์ประสบการณ์จริง แต่ละท่านมีองค์ความรู้เต็มเปี่ยม พร้อมนำแบบฝึกหัดมาให้ผู้เข้าอบรมได้เรียนรู้ทั้งทฤษฏี และปฏิบัติกันอย่างสนุกสนาน
ด้านวิทยากร ประกอบด้วย พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ ประธานกรรมการอำนวยการเครือข่ายครูดีของแผ่นดิน บรรยายในหัวข้อ การดำรงตามแนวทางคุณธรรมจริยธรรมและธรรมาภิบาล, ดร.มลฤดี สระฏัน ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนามนุษย์ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง มูลนิธิมั่นพัฒนา บรรยายในหัวข้อ การบริหารตนเอง และสถานศึกษาด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง,นายนิกร จำนง ประธานอนุกรรมการศึกษาปรัชญาทฤษฎีศาสตร์พระราชา บรรยายในหัวข้อ ศาสตร์แห่งพระราชา,นางปิยาภรณ์ มัณฑะจิตร ผู้จัดการมูลนิธิสยามกัมมาจล บรรยายในหัวข้อ การศึกษาในศตวรรษที่ 21 และศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ บรรยายในหัวข้อ ความก้าวหน้าทางการศึกษาโลก และการศึกษาไทย
สำหรับแบบฝึกหัดที่โดดเด่น และได้รับการพูดถึงมากที่สุด คือ การวิเคราะห์เกี่ยวกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยนำ 2 เงื่อนไข ได้แก่ ความรู้ และคุณธรรม ,3 หลักการคือ พอประมาณ มีเหตุผล และ มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี และ 4 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม มาเป็นแบบฝึกหัดให้ผู้เข้ารับการอบรมได้ร่วมกันแชร์ประสบการณ์ และวิเคราะห์ ทำให้ผู้เข้ารับอบรมประทับใจเป็นอย่างมาก แต่ละกลุ่มต่างนำเสนอกันอย่างสุดฝีมือ ทำให้ครูแต่ละคนเข้าใจถึงแก่นแท้ของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พร้อมนำองค์ความรู้นี้ ไปถ่ายทอดแก่เด็กนักเรียนได้เป็นอย่างดี
พอถึงเวลาช่วงเย็น นายอำนาจ จารุมณีโรจน์ วิทยากรมากความสามารถ นำพาคณะครู อาจารย์ต่างๆ ถอดบทเรียน และร่วมกันทำกิจกรรมเสริมสร้างมิตรภาพและความสงบสู่ผู้เข้ารับการอบรม เพื่อการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในภายหลังการอบรม
ผู้เข้าอบรมที่ได้รับความสนใจ และเป็นดาวเด่นในครั้งนี้ นายอุทิศ กลางมณี ครูผู้พิการทางสายตา จากโรงเรียนบ้านโคกมขวิด ผู้เดินทางมาเข้ารับการอบรม เล่าว่า ศาสตร์พระราชา เป็นศาสตร์ที่ทำให้เรามีความสุขคู่คุณธรรม ซึ่งตัวเองเป็นผู้พิการทางสายตา ปกติจะมีความทุกข์ใจเป็นอย่างมาก จึงนำหลักธรรมอริยสัจ 4 มาดำเนินชีวิตควบคู่กับศาสตร์พระราชา โดยนำหลักศาสตร์พระราชาด้าน การมักน้อย สันโดษ สงบ สงัด ไม่คลุกคลี มาดำเนินชีวิต หลังจากนั้นก็ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปคือ มีความทุกข์น้อยลง เพราะพื้นฐานคนพิการจะมีความทุกข์ในใจมากอยู่แล้ว และทำให้มีพลังมากขึ้น พร้อมที่จะทำความดีในด้านต่างๆแก่ลูกศิษย์ และชาวบ้าน อาทิ สอนพิเศษให้เด็กๆได้เรียนฟรี และนำเบี้ยคนพิการไปซื้อข้าวสารแจกชาวบ้าน ทำให้ตัวเองได้รับการยอมรับจากชาวบ้านและชุมชนในความบกพร่องของตนเอง
ศาสตร์พระราชา สอนให้คนดำรงชีวิตอย่างมีความสุข อยู่ในโลกอย่างมีความสุข ตนเองจึงนำศาสตร์พระราชานี้ มาเรียนรู้ ควบคู่กับหลักพระพุทธศาสนา หวังสู่นิพพาน และมุ่งทำความดีตลอดชีวิต เพื่อถวายแต่องค์ในหลวงรัชกาลที่9 หลังจากอบรมจะนำหลักศาสตร์พระราชาไปใช้กับโรงเรียน คือ ทางโรงเรียนขาดครู ก็จะนำเงินไปจ้างครูมาสอน ผู้ปกครองช่วยกันจ่าย ครูทุกคนช่วยกันออก เป็นต้น และจะนำศาสตร์พระราชาไปใช้กับเด็กนักเรียน โดยการถ่ายทอด 4 มิติ คือ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ให้เด็กๆรู้จักเพิ่มมากขึ้น และด้าน 2 เงื่อนไข ได้แก่ ความรู้ และคุณธรรม ,3 หลักการคือ พอประมาณ มีเหตุผล และ มีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี ตัวเองทำอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมออยู่แล้ว พร้อมทั้งจะผลักดันให้เด็กนักเรียนรู้จักการออมและจ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเริ่มจากให้เข้าสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียงก่อน และฝึกให้เด็กรู้จักการออม ฝากประจำหมู่บ้าน และนำเงินฝากธนาคารออมสิน ตามลำดับ
"อยากให้ประชาชนทุกคน มีความรู้เกี่ยวกับศาสตร์พระราชาทั้งหมด เพราะมีบางกลุ่มเข้าใจในศาสตร์พระราชาผิดๆ เพราะมีการเล่าต่อกันมาเป็นทอดๆ และอยากให้วงการศึกษาไทยมีบทเรียนให้เด็กนักเรียน ต้องท่องจำศาสตร์พระราชาทุกข้อให้ได้ เพราะเมื่อจำศาสตร์พระราชาได้ เกิดเหตุวิกฤติในชีวิต เด็กๆเหล่านั้น จะนำศาสตร์พระราชานี้ มาใช้ได้จริงในชีวิต " นายอุทิศ กล่าว
ด้านนางสาวอรุณี พิมพ์เสน ครูโรงเรียนบ้านห้วยทราย เล่าว่า ตัวเองได้ทำงานเพื่อพระราชวงศ์มาโดยตลอด เพื่อเติมเต็มในเรื่องศาสตร์พระราชาให้แก่ตนเอง จึงตัดสินใจเข้าร่วมอบรมครั้งนี้ ซึ่งดูจากประวัติ วิทยากรแต่ละท่านๆ มีความรู้แน่นมาก รู้จริง และเนื้อหาการอบรม เน้นให้ครูรู้จักการครองงาน ครองคน และครองตน ตามศาสตร์พระราชา โดยการให้ครู ยึดมั่นในหลักคุณธรรมนำไปบริหารตนเอง นักเรียน และสถานศึกษา หลังจากอบรมเสร็จสิ้น ทำให้ตนเองเข้าใจในหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ และจะนำเทคนิคต่างๆที่วิทยากรสอนในห้องเรียน ไปประยุกต์ใช้ในการสอนของตนเอง
" การปฏิบัติตนตามศาสตร์พระราชา ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในฐานะตนเองเป็นครู ก็จะทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่นักเรียนในเรื่องการออม โดยจะทำให้เด็กเห็นว่า ใช้จ่ายอย่างไรถึงเหมาะสมกับคำว่า พอประมาณ และสอนให้เด็กรู้จักการออมมากขึ้น พร้อมทั้ง จะนำศาสตร์พระราชา ด้านคุณธรรม ไปใช้กับโรงเรียนของตนเอง เพราะจะทำให้เด็กเป็นคนดี" นางสาวอรุณี กล่าว
ศาสตร์พระราชา เป็นศาสตร์ที่เข้าถึงทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นคนปกติ หรือ บกพร่องทางร่างกาย เมื่อทุกคนน้อมนำแนวคิด บรรดาองค์ความรู้และภูมิปัญญาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานผ่านวิธีการต่างๆ ด้วยความมุ่งหมายที่จะพัฒนา ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหา เพื่อประโยชน์สุขแก่เหล่าพสกนิกร และส่งผลถึงมนุษยชาติทั้งปวง ให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคง สันติสุขและยั่งยืนตลอดไป