ดร. สันติ กีระนันทน์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม หมวดยานยนต์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า "INGRS" ในวันที่ 9 สิงหาคม 2560 โดย INGRS เป็น holding company ที่ลงทุนธุรกิจผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ โดยถือหุ้นในบริษัทย่อยทั้งทางตรงและทางอ้อมรวม 8 บริษัท และบริษัทร่วม 1 บริษัท โดยมี บริษัท อิงเกรส ออโตเวนเจอร์ จำกัด เป็นบริษัทแกน กลุ่มบริษัทมีฐานการผลิตอยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอินเดีย กลุ่มลูกค้าหลัก คือ ผู้ผลิตและจำหน่ายยานยนต์ (OEMs) ที่มีการจำหน่ายให้แก่กลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำทั่วโลก อาทิHonda, Mitsubishi, General Motors, Isuzu Motors, Suzuki, Nissan, Toyota Motors, Perodua และ Proton เป็นต้น
INGRS มีทุนชำระแล้ว 1,446.94 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 1,185.38 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 261.56 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้รวม 578.44 ล้านหุ้น ประกอบด้วย หุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนที่ 261.56 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเดิมโดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ จำนวน 316.88 ล้านหุ้น ต่อผู้มีอุปการคุณของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนสถาบัน และบุคคลที่มีความสัมพันธ์ของกลุ่มบริษัท ในราคาหุ้นละ 1.33 บาท เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม- 2 สิงหาคม 2560 มีมูลค่าระดมทุนรวม 347.88 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,924.43 ล้านบาท โดยมี บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายอับดุลราฮิม บินฮาญี ฮิตัม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อิงเกรส อินดัสเตรียล (ไทยแลนด์) เปิดเผยว่า INGRS มีจุดแข็งทั้งด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมการผลิต ที่มุ่งเน้นการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง ซึ่งการเข้าจดทะเบียนและการระดมทุนของกลุ่มบริษัทในครั้งนี้ กลุ่มบริษัทจะนำเงินที่ได้บางส่วนไปลงทุนพัฒนาโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อของลูกค้า รวมไปถึงชำระเงินกู้ และนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มเติม
หลัง IPO INGRS มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรก ได้แก่ บริษัท อิงเกรส คอร์ปอเรชั่น เบอร์ฮาด ถือหุ้น 60.02% นายศักดิ์ชัย ยอดวานิช ถือหุ้น 1.38% และ กลุ่มพลากรกิจวัฒนา ถือหุ้น 1.12% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 10.59 เท่า คำนวณจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 พฤษภาคม 2559-30 เมษายน 2560) ซึ่งมีกำไรสุทธิเท่ากับ 181.67 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.1256 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินสำรองตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.ingress.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th