ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษีและการลงทุนกล่าวเน้นย้ำว่าหลักการจัดเก็บภาษีที่จะช่วยให้เกิดความเป็นธรรมและดีที่สุดก็คือการใช้อัตราเดียวกับสินค้าประเภทเดียวกันเพื่อความเรียบง่ายในการจัดเก็บ (Unitary rate) เพราะจะไม่ก่อให้เกิดข้อกังขาในการปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศจนอาจถูกมองได้ว่ามีลักษณะ protectionism อันเป็นหลักการที่นานาชาติสากลไม่สนับสนุน นอกจากนี้การเก็บภาษีสินค้านำเข้าในอัตราที่สูงกว่าเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อสินค้าในประเทศอาจขัดต่อกติกาขององค์การการค้าโลก (WTO) อีกด้วย
นางมัลลิกากล่าวทิ้งท้ายว่า "ภาคเอกชนยังห่วงเรื่องการเตรียมความพร้อมด้านกฎระเบียบในระดับการปฏิบัติงานจริงว่าได้มีการจัดการระบบต่างๆ รองรับและประสานงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้พร้อมก่อน 16 ก.ย. ต่อการเปลี่ยนผ่านไปใช้ภาษีใหม่โดยไร้รอยต่อเพื่อตอบรับสังคมยุค 4.0 แล้วหรือไม่ โดยภาคธุรกิจได้ร้องขอให้รัฐคำนึงถึงช่วงระยะเวลา lead time ในการปฏิบัติงานในส่วนนี้และทำให้ระบบทั้งหมดเชื่อมต่อและเข้าถึงได้โดยง่าย เนื่องจากภาคเอกชนมีความกังวลมากในเรื่องความต่อเนื่องของธุรกิจ หากมีอันต้องสะดุด หรือชะงักงันลงด้วยเหตุผลทางเทคนิคและความปลอดภัย(security) ของระบบก็อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการวางแผนลงทุนของนักลงทุนด้วย"