คุณพิกุลทอง คัมภิรานนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท เรสเตอร์ (ประเทศไทย)จำกัด เผยถึงที่มาของโครงการจัดประกวดภาพยนตร์สั้น"มนุษย์แม่" การที่เราคิดโครงการประกวดหนังสั้น "มนุษย์แม่" นี้ขึ้นเพราะอยากให้ทุกๆ คนได้คิดถึงแม่มากกว่าการให้เพียงดอกมะลิ ซึ่งในความจริงแล้วแม่ของเราทำอะไรให้เราเยอะมากกว่าที่เราคิด ฉะนั้นเมื่อเกิดการประกวดทำหนังสั้นเกี่ยวกับแม่ขึ้น ก็เหมือนเป็นโจทย์หนึ่งให้ทุกคนได้กลับไปคิดว่าแม่ได้ทำอะไรมาบ้าง เช่น แม่ทำกับข้าวอร่อยๆ แม่เป็นแม่บ้านที่ดี ดุด่าสอนเรา หรือแม่เสียไปแล้วยังไม่มีโอกาสได้ตอบแทนพระคุณแม่ ตรงจุดนี้นี่แหละที่ทำให้ทุกคนได้คิดถึง เราจึงมองว่าการประกวดหนังสั้นครั้งนี้เป็นเหมือนเวทีหนึ่งที่ให้ทุกคนได้มีโอกาสแสดงไอเดียใหม่ๆ ซึ่งมีหลายทีมตีความมนุษย์แม่ในแบบที่แปลกออกไปหรือมีความใกล้เคียงกับชีวิตจริงที่เป็นเรื่องใกล้ตัวเข้าถึงได้"
เราได้เชิญผู้ที่มีประสบการณ์ในแวดวงโปรดักชั่น แวดวงภาพยนตร์มาร่วมเป็นกรรมการตัดสินในรอบแรก ต้องยอมรับว่าเป็นการทำงานหนักของกรรมการที่ต้องคัดเลือก จาก 120 กว่าทีม เหลือเพียง 10 ทีม มันค่อนข้างยากเพราะแต่ละทีมก็โดดเด่นต่างกันไป ซึ่งต้องบอกว่าไม่ง่ายกว่าจะตกผลึกจนเหลือแค่10 ทีม ผลงานชนะเลิศได้แก่ทีม Suppose that live everyday like it's your last. โดย นายณฐนณ คูสกุล,นายวงสกุล เผ่าภูรี เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์แม่และลูกผู้ชายผู้เอาแต่ใจคู่หนึ่งที่แต่ละปีจะกลับมาหาแม่ แต่การมาครั้งนี้ลูกชายได้ยินข่าวว่าแม่จะขายบ้าน บ้านที่ครั้งหนึ่งเคยมีแต่ความอบอุ่น ความสุข แต่ตอนนี้ไร้ซึ่งสิ่งต่างๆ นั้นไปแล้ว ทำให้ผู้เป็นแม่หันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยากจะปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เกิดทุกข์ ทำให้ลูกชายเกิดความไม่พอใจพูดตัดพ้อต่อว่า ด้วยความเป็นแม่เธอก็พร้อมรับฟังเหตุผลและให้อภัยในสิ่งต่างๆ ที่ลูกทำไม่ดีเสมอ"
ด้านคณะกรรมการฯ เผยจุดเด่นของหนังสั้นบนเวทีนี้ คือการบอกเล่าถึงพระคุณที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะฉะนั้นจึงถ่ายทอดออกมาอย่างซาบซึ้งตามสไตล์ของแต่ละทีม สิ่งที่ได้รับจากการชมพร้อมตัดสินหนังสั้นชุดนี้ นอกจากเทคนิคใหม่ๆ การเล่าเรื่องในมุมมองที่แตกต่างแล้ว ยังประทับใจกับแนวคิด การคืนกำไรเพื่อสังคม เพราะสุดท้ายประเทศเราจะโตได้ก็ขึ้นอยู่กับเด็กที่จะโตมาในอนาคต ตอนนี้เราทุกคนพยายามปลูกฝังเรื่องแย่ๆ ใส่เด็ก เด็กก็จะโตมาเป็นต้นไม้แย่ๆ ที่ไม่ออกดอกออกผล แต่ถ้าเราปลูกฝังสิ่งดีๆ เช่น ความกตัญญูตั้งแต่เด็ก หรือไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมสร้างสรรค์อะไรก็ได้ที่เป็นเรื่องที่ดีประเทศเราก็จะพัฒนา แต่ถ้าเอาแต่ประโคมข่าวร้าย สิ่งไม่ดีก็จะไปปลูกฝังหัวสมองของเด็กๆ ซึ่งเห็นในโซเชี่ยลที่ผู้ใหญ่ดูนั่นแหละ พอโตขึ้นมาก็กลายเป็นคนที่มีแต่เรื่องแย่ๆ อยู่ในหัว แล้วประเทศเราจะพัฒนาได้อย่างไร จึงคิดว่าอะไรที่มันดีก็ช่วยๆ กันทำเพื่อให้ได้ต่อยอดความดีให้ขยายไปในวงกว้าง สร้างผลลัพธ์ที่ดีทางสังคมแก่คนไทย
สามารถติดตามชมผลงานหนังสั้น ที่ได้รับรางวัล รวมถึงอีกกว่า 120 เรื่องเด็ดได้ทางเฟสบุ๊คของ Rester - เก้าอี้นวดไฟฟ้า เรสเตอร์