ภายใต้โครงการความร่วมมือนี้ ผู้ส่งออก SMEs ที่ใช้บริการสินเชื่อส่งออกทันใจทวีค่า (EXIM Instant Credit Super Value) ซึ่งเป็นสินเชื่อหมุนเวียน วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท ไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ใช้เพียง บสย. ค้ำประกัน จะได้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.5% ในปีแรกเหลือ 4.5% ต่อปี และได้รับคูปองยกระดับมาตรฐานสินค้าและผลิตภัณฑ์มูลค่า 5,000 บาทต่อรายฟรี! เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงโอกาสการยกระดับมาตรฐานคุณภาพสินค้าส่งออกด้วยเครื่องมือแล็บประชารัฐที่ได้มาตรฐานสากลและผ่านการทดสอบความชำนาญด้านห้องแล็บจากแล็บกลางสหภาพยุโรป (European Union Reference Laboratory : EURL) ทำให้สินค้าส่งออกของ SMEs ไทยเป็นที่ยอมรับในตลาดต่างประเทศ อาทิ สินค้าประเภทผักและผลไม้ อาหารดิบ อาหารแปรรูป เครื่องสำอาง น้ำบริโภค เครื่องดื่มในภาชนะปิดสนิท อาหารกึ่งสำเร็จรูป เครื่องดื่มชา กาแฟ ซึ่งมักตรวจพบว่ามีสิ่งสกปรกเจือปน สารตกค้างปนเปื้อน หรือบรรจุในหีบห่อไม่ถูกสุขอนามัย
การสนับสนุนด้านเงินทุนและการพัฒนาคุณภาพสินค้าส่งออกของทั้งสามหน่วยงานในครั้งนี้จะช่วยให้ SMEs ไทยมีทางออกของปัญหาที่ต้องเผชิญ ได้แก่ การขาดสภาพคล่องทางการเงิน เงื่อนไขเงินกู้ที่เข้มงวดของสถาบันการเงิน ความเสี่ยงทางการค้าระหว่างประเทศ อาทิ อัตราแลกเปลี่ยนทางการเงินระหว่างประเทศและการไม่ได้รับชำระเงินค่าสินค้าจากผู้ซื้อในต่างประเทศ และการถูกปฏิเสธการนำเข้าเพราะสินค้าไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย นำไปสู่เป้าหมายในการผลักดันการเติบโตของภาคการส่งออก ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่นิยมและยอมรับในตลาดโลก
"ในการแข่งขันทางการค้าระหว่างประเทศ ผู้ส่งออก SMEs ของไทยต้องมีเครื่องมือทั้งเชิงรุกได้แก่ การศึกษาตลาด การพัฒนาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐานสากล การรุกตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ และความพร้อมด้านเงินทุน ส่วนเชิงรับได้แก่ ความพร้อมรับมือความเสี่ยงทางการค้าการลงทุนและความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่ง EXIM BANK และหน่วยงานพันธมิตร เช่น บสย. และเซ็นทรัลแล็บไทย พร้อมร่วมมือกันติดอาวุธให้ผู้ส่งออก SMEs ของไทยแข่งขันได้ในเวทีการค้าโลก โดยสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (S-curve) ช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถขยายธุรกิจการค้าและเชื่อมโยงสู่การขยายฐานการผลิตไปต่างประเทศได้ เพื่อการเข้าถึงตลาดผู้บริโภคในต่างประเทศได้อย่างประสบความสำเร็จในระยะยาว" นายพิศิษฐ์กล่าว