นายสุวัฒน์ เตชะวัฒนวรรณา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของสายงานธุรกิจลูกค้าบรรษัทที่ดูแลลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ ณ 30 มิถุนายน 2560 เติบโตตามเป้าหมายเป็นที่น่าพอใจ มียอดสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ 553,665 ล้านบาท เติบโต 8% จาก 511,700 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของรายได้รวมช่วงครึ่งปีแรกนี้อยู่ที่ 12,221 ล้านบาท โตได้ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559 คิดเป็นรายได้จากดอกเบี้ย 4,959 ล้านบาท และรายได้ค่าธรรมเนียม 5,982 ล้านบาท สำหรับอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในครึ่งปีแรกได้แก่ อุตสาหกรรมพลังงาน เกษตรแปรรูป และ อสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากประเทศไทยมีความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้น นำมาซึ่งการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้ โดยมีสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนที่สูงขึ้น กลุ่มเกษตรอุตสาหกรรมก็ขยายตัว โดยเฉพาะกลุ่มอาหารแปรรูป ส่วนตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีการลงทุนที่เพิ่มขึ้น ผ่านการระดมทุนรูปแบบต่างๆ อาทิREIT และหุ้นกู้
ทั้งนี้ ช่วงครึ่งหลังปี 2560 คาดว่าเศรษฐกิจยังขยายตัวจากปัจจัยสนับสนุนด้านเงินลงทุนจากภาครัฐที่มีความชัดเจนและเป็นรูปธรรม อาทิ โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ที่เชื่อมต่อไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน อย่าง สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม รวมถึงเงินลงทุนขนาดใหญ่จากจีน ภายใต้โครงการ One Belt One Road โครงการรถไฟความเร็วสูงที่จะเริ่มสายแรกของประเทศจากกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ตลอดจนการเดินหน้าอนุมัติโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในรัฐบาลปัจจุบันก่อนการเลือกตั้ง นอกจากนี้ การส่งออกที่ขยายตัวได้ดีเกินกว่าที่คาดผลจากเศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลถึงเศรษฐกิจในประเทศไทยที่น่าจะขยายตามไปด้วย
นายสุวัฒน์กล่าวในตอนท้ายว่าจากตัวเลขที่เติบโต ตลอดจนแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจช่วงครึ่งปีหลังตามปัจจัยดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น จึงเชื่อมั่นว่าสิ้นปี 2560 การเติบโตของสินเชื่อกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่จะขยายตัวได้และปิดตัวเลขได้ตามเป้าหมายที่ 4-6% และรายได้รวมคาดจะเติบโตไม่น้อยกว่า 3%