บี.กริม เพาเวอร์ ฉายแววสดใสโชว์รายได้ครึ่งปีแรกเติบโต 15% พร้อมสยายปีกขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าทั่วอาเซียน

พุธ ๑๖ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๑:๕๖
บี.กริม เพาเวอร์ 'BGRIM' ชูความสำเร็จจากการรับรู้รายได้ครึ่งปีแรกทำสถิติสูงถึง 15,615 ล้านบาท หรือเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยเป็นผลจากการเปิดดำเนินการโรงไฟฟ้าใหม่เข้าสู่ระบบ พร้อมด้วยอัตรากำไร EBITDA 28% นั่งแท่นเป็นหนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าอุตสาหกรรมรายใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เชื่อมั่นศักยภาพและความพร้อมของบริษัทฯ สามารถขยายธุรกิจสู่ภูมิภาคอาเซียนตามเป้าที่วางไว้

นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ (มกราคม – มิถุนายน 2560) ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการจำนวน 15,615 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมาจากการรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าอมตะ บี.กริม เพาเวอร์ 5 (ABP5) ในนิคมอุสาหกรรมอมตะนคร และการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโรงไฟฟ้า บี.กริม เพาเวอร์ ดับบลิวเอชเอ 1 (BPWHA1) ในนิคมอุสาหกรรมเหมราช ซึ่งทั้ง 2 โครงการเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2559 และ 1 พฤศจิกายน 2559 ตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนของรายได้ส่วนใหญ่มาจากการขายไฟฟ้าให้ กฟผ. 62% และลูกค้าอุตสาหกรรมในไทย 29% ส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) 4,356 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ EBITDA margin เพิ่มขึ้นเป็น 28% โดยมีสาเหตุหลักมาจากประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้าใหม่ๆ ของกลุ่มบริษัทฯ ที่ทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ กำไรสุทธิปรับปรุง 1,479 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิปรับปรุงส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่จำนวน 874 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรจากการดำเนินงาน

"ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้เติบโตเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าใหม่ที่เปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์นั้นค่อนข้างดีมาก การบริหารจัดการต้นทุนของโรงไฟฟ้า รวมถึงการลดต้นทุนทางการเงินของบริษัท โดยการออกหุ้นกู้โครงการโรงไฟฟ้ามูลค่า 11,500 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดนั้น ได้นำไปชำระหนี้เงินกู้จากสถาบันการเงินของกลุ่มบริษัทฯ ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า

นอกจากนี้เงินที่ได้จากการระดมทุนจาก IPO ที่ผ่านมากว่า 11,000 ล้านบาท ยังทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของบริษัทฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.6 เท่าตามที่ได้ประมาณการไว้ ส่งผลให้บริษัทฯมีความพร้อมสำหรับการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมจากธนาคารสำหรับการลงทุนในอนาคต อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเตรียมออกหุ้นกู้โครงการอย่างต่อเนื่องในช่วงปลายปี 2560 ต่อปี 2561 สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการมา 2-3 ปีแล้ว เพื่อลดต้นทุนทางการเงินของโครงการให้อยู่ในระดับเดียวกับหุ้นกู้โครงการที่บริษัทฯเคยออกในเดือน เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ สามารถเพิ่มความสามารถในการทำกำไรสุทธิในอนาคตได้" นางปรียนาถ กล่าว

นางปรียนาถ กล่าวเพิ่มเติมว่า "สำหรับการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสานต่อตามแผนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าที่วางไว้ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ไปเมื่อเร็วๆนี้ คือ โรงไฟฟ้าพลังน้ำ เซน้ำน้อย 2 และเซกะตำ 1 (XXHP) ซึ่งเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ ที่ สปป. ลาว ไปเมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา และจากผลการทดสอบประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้านั้นก็ได้ค่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้คาดว่าจะได้อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ประมาณ 20% และบริษัทยังมีความคืบหน้าในการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าแบบ SPP อีก 3 โครงการ ขนาดกำลังผลิตรวม 399 เมกะวัตต์ ซึ่งสามารถดำเนินการก่อสร้างได้ตามแผนที่วางไว้ โดยจะสร้างแล้วเสร็จและพร้อมเปิดให้ดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในปี 2561 ตรงตามกำหนดทุกโครงการ

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าทั้งในไทยและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดบริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเจรจาและสรุปรายละเอียดข้อตกลงในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กับองค์การทหารผ่านศึกและสหกรณ์การเกษตร ขนาดกำลังการผลิตรวม 36 เมกะวัตต์ รวมถึงกำลังเตรียมดำเนินการเพื่อเข้าประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm จำนวน 300 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ด้านโครงการโรงไฟฟ้าที่ต่างประเทศนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาและสรุปรายละเอียดข้อตกลงในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศมาเลเซีย ขนาดกำลังการผลิต 180 เมกะวัตต์ รวมทั้งอยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นปีนี้"

ปัจจุบัน บริษัทฯ ลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าจำนวนทั้งสิ้น 44 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 2,431 เมกะวัตต์ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วรวมทั้งสิ้น 30 โครงการ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1,646 เมกะวัตต์ และมีโครงการโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและอยู่ระหว่างการพัฒนา 14 โครงการ มีกำลังการผลิตติตตั้งรวม 785 เมกะวัตต์

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO