นายณรงค์ สีตลายน รองกรรมการผู้จัดการ ฟอร์ด ประเทศไทย กล่าวว่า "ฟอร์ดมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งขึ้น ทั้งด้านยอดขายและส่วนแบ่งตลาดทุกๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2017 ถึงแม้ฟอร์ดจะไม่ได้เปิดตัวรถรุ่นใหม่สู่ตลาด แต่ด้วยความชื่นชอบและไว้วางใจในแบรนด์ฟอร์ด รวมถึงการกลับมาซื้อผลิตภัณฑ์ซ้ำของลูกค้า ส่งผลให้ยอดขายในครึ่งปีแรกของปี 2017 เติบโตสูงขึ้นถึง41 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขาย 25,513 คัน และส่วนแบ่งตลาดที่เพิ่มเป็น 6.23 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งมาจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ รถเอสยูวีขนาดกลาง ฟอร์ด เอเวอเรสต์ และรถเอสยูวีขนาดเล็กสำหรับคนเมือง ฟอร์ด เอคโค่สปอร์ต ส่งผลให้ฟอร์ดยังคงครองตำแหน่งหนึ่งในแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตสูงที่สุดในประเทศไทยอีกครั้งในปีนี้"
ความสำเร็จของฟอร์ดเป็นผลมาจากกลยุทธ์ในการผลักดันยอดขายเพื่อก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งแกร่ง โดยเน้นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีล้ำสมัยของฟอร์ดอย่างต่อเนื่อง พร้อมเจาะกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อผลักดันยอดขายให้เติบโตตามเป้าไม่ว่าจะเป็น สื่อโฆษณา การจัดโร้ดโชว์ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทย การจัดโปรโมชั่น และมอบข้อเสนอพิเศษเพื่อกระตุ้นให้เกิดยอดขาย หรือกิจกรรมต่างๆ ที่จูงใจลูกค้าให้ไปทดลองขับที่โชว์รูม
นอกจากนี้ ฟอร์ดยังเน้นการสร้างแบรนด์ให้เป็นสมาร์ท แบรนด์ระดับโลกผ่านกลยุทธ์ ดิจิตัล เฟิร์สท์ (Digital First) เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคในเครือข่ายสังคมออนไลน์ โดยฟอร์ดให้ความสำคัญกับการเรียนรู้พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายและนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงตามความต้องการมากที่สุดเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายได้รับข้อมูลที่อยากเห็น ปัจจุบัน ฟอร์ดมีทีมงานที่ดูแลสื่อดิจิทัล โซเซียลมีเดีย และทีมที่ผลิตคอนเทนต์ใหม่ๆ โดยเฉพาะ โดยฟอร์ดให้ความสำคัญเรื่องการสื่อสารที่สร้างความแตกต่าง น่าจดจำ และสร้างการรับรู้ของแบรนด์ ทัศนคติที่ดีต่อ แบรนด์ รวมถึงกระตุ้นให้ลูกค้าอยากไปทดลองขับรถที่โชว์รูม เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2017 ฟอร์ดได้คว้ารางวัล Thailand Zocial Awards 2017 ในฐานะแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จที่สุดบนโซเชียลมีเดียแห่งปีในกลุ่มธุรกิจยานยนต์ และยังได้รับรางวัลเดียวกันถึง 3 ปีซ้อน
เพื่อรองรับธุรกิจและฐานลูกค้าที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ฟอร์ดยังคงเดินหน้าขยายเครือข่ายโชว์รูมและศูนย์บริการให้ครอบคลุมจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั่วประเทศ พร้อมกับให้ความสำคัญในการดูแลลูกค้าเพื่อส่งมอบการบริการที่มีคุณภาพพร้อมความสะดวกสบายและสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความภาคภูมิใจในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ดมากที่สุด โดยมีหลักดำเนินงาน 4ประการ คือ
การให้ความสะดวกในการเข้ารับบริการ (Convenience) ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัย ตัวอย่างเช่น"Express Service 60 Minutes Guaranteed ผ่าน Online Booking" ที่ศูนย์บริการฟอร์ดกว่า 30 แห่ง ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ซึ่งให้บริการตรวจเช็คระยะตามมาตรฐานฟอร์ด ภายในระยะเวลาเพียง 60 นาที ในกรณีที่ไม่สามารถให้บริการได้ภายใน 60 นาที ฟอร์ดจะไม่คิดค่าบริการใดๆ ทั้งสิ้น โดยลูกค้าสามารถจองเวลา เพื่อทำการนัดหมายและตรวจสอบตารางการให้บริการของศูนย์บริการได้แบบเรียลไทม์ ผ่านระบบ Online Booking ตลอดทั้ง 7 วันการเข้าถึงศูนย์บริการ (Accessibility) ด้วยการการขยายเครือข่ายศูนย์บริการในพื้นที่หลักทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงแนะนำโชว์รูมรูปแบบใหม่ขนาดเล็ก เพื่อเร่งขยายและพัฒนาเครือข่ายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้นในต่างจังหวัดการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของการให้บริการ (Reliability) ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมจัดส่งอะไหล่ภายใน 24 ชั่วโมง ระบบบริการให้ความช่วยเหลือบนท้องถนนตลอด 24 ชั่วโมง ฟรีตลอด 3 ปี การฝึกอบรมบุคลากรและผู้จำหน่ายเพื่อพัฒนาทักษะ การสร้างความผูกพันระหว่างพนักงานของผู้จำหน่ายกับองค์กร เป็นต้นการมอบความคุ้มค่าในการเป็นเจ้าของรถฟอร์ด (Cost of Ownership) การให้บริการที่คุ้มค่าซึ่งจะช่วยให้ลูกค้ามั่นใจและภูมิใจในการครอบครองรถฟอร์ด ทั้งยังช่วยให้ลูกค้าสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ผ่านโปรแกรมต่างๆ ที่ฟอร์ดได้เตรียมไว้
นอกจากนี้ ฟอร์ดเตรียมขยาย "การบริการเป็นระยะเวลา 7 วัน พร้อมบริการเช็คระยะทันใจ รอรับได้ทันที" และ บริการ "Express Service 60 Minutes Guaranteed ผ่าน Online Booking" ไปยังหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด ครอบคลุมทั้งหมด 16 จังหวัด 27 โชว์รูม โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2560 เป็นต้นไป เพื่อตอบรับกับจำนวนลูกค้าฟอร์ดในต่างจังหวัดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ฟอร์ดได้ย้ายศูนย์การกระจายอะไหล่ ไปยังศูนย์การกระจายอะไหล่แห่งใหม่ บนถนนบางนาตราด กม. 18 (ขาเข้า) โดยศูนย์การกระจายอะไหล่แห่งใหม่นี้ นับเป็นการลงทุนอีกหนึ่งครั้งสำคัญของฟอร์ด มีขนาดอาคารใหญ่ 25,200 ตารางเมตร มีพื้นที่เก็บของสูง 9 เมตร พื้นที่ใช้สอยรวมถึง 79,000 ตารางเมตร รองรับการขยายตัวธุรกิจของฟอร์ดที่มีการขยายตัวเติบโตมากยิ่งขึ้น และส่งมอบการบริการที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้าฟอร์ด
ด้านการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของผู้จำหน่าย ฟอร์ดได้จัดโครงการเพรสซิเดนท์ คลับ (President Club) ตั้งแต่ปี 2557 เพื่อตอบแทนความตั้งใจทำงานและเชิดชูบุคลากรของผู้จำหน่ายในทุกตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันความสำเร็จของฟอร์ด ประเทศไทย อย่างมั่นคง
"จากความมุ่งมั่นของฟอร์ดในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เราหวังว่าลูกค้าจะได้รับความพึงพอใจทั้งจากรถยนต์ที่มีคุณภาพระดับโลกที่มอบทั้งความปลอดภัยและเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่อัจฉริยะ รวมถึงการยกระดับงานบริการแบบองค์รวมเพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ลูกค้าทุกท่าน ฟอร์ดสัญญาว่าเราจะยังคงเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไปเพื่อลูกค้าของเราทุกคน" นายณรงค์กล่าวปิดท้าย