ปัจจุบันมีผู้ยื่นคำขออาชญาบัตร ประทานบัตรทำเหมืองแร่ และต่ออายุใบอนุญาต ที่ยังค้างอยู่ในความรับผิดชอบ จำนวน 40 ราย ซึ่งหากไม่สามารถพิจารณาคำขอให้แล้วเสร็จทันภายในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ก็จะดำเนินการคำขอทั้งหมดเข้าอยู่ภายใต้บทบัญญัติตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2560 ทันที ทั้งนี้ จะไม่มีการเสนอต่อสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาผ่อนปรนใด ๆ สำหรับผู้ประกอบการ ที่ได้รับอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตที่ออกตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2510 ก่อนวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ให้ถือเป็นอาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 จนกว่าจะสิ้นอายุหรือถูกเพิกถอน ซึ่งการเป็นผู้ถืออาชญาบัตร ประทานบัตร หรือใบอนุญาตตามพระราชบัญญัติแร่ พ.ศ. 2560 ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.แร่ ฉบับใหม่
ส่วนกรณีเหมืองแร่ทองคำ กพร. ยังคงดำเนินการตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 72/2559 เรื่อง การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ทองคำ อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการแร่แห่งชาติ (คนร.) ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และผู้ทรงคุณวุฒิ ร่วมเป็นคณะกรรมการ ดังนั้น การดำเนินการใด ๆ เกี่ยวกับเหมืองแร่ทองคำจะเป็นไปตามมติของ คนร. ทั้งนี้ กรณีการตรวจพิสูจน์บ่อเก็บกากแร่รั่วหรือไม่ โดยนักวิจัยชาวญี่ปุ่นภายใต้การดำเนินงานของมหาวิทยาลัยนเรศวร ผู้ทำการวิจัยได้ส่งรายงานผลการวิจัยฉบับสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว แต่คณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงการรั่วซึมของบ่อกักเก็บกากแร่ที่ 1 ของบริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ยังมีประเด็นต้องการสอบถามในรายละเอียด จึงได้มีการเชิญผู้ทำการวิจัยมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้