พอช. จับมือภาคีและชุมชน ร่วมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากชุมชนอีสานใต้ตามนโยบายประชารัฐ

ศุกร์ ๒๕ สิงหาคม ๒๐๑๗ ๑๓:๔๙
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และ ภาคีเครือข่าย เร่งหนุนเสริมเศรษฐกิจฐานรากในเขตอารยธรรมอีสานใต้ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และบุรีรัมย์ให้เข้มแข็ง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ประชาชนมีความสุข มีรายได้เพิ่มขึ้น โดยยึดหลักการพึ่งตนเอง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีคุณธรรม และเป็นระบบเศรษฐกิจที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆ ไปพร้อมกัน

เมื่อเร็วๆ นี้ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ร่วมกับสภาองค์กรชุมชน, บริษัทประชารัฐรักสามัคคี (ประเทศไทย) จำกัด, และสมาคมไทยท่องเที่ยวอย่างรับผิดชอบ (สสรท.) ได้เดินทางไปพร้อมสื่อมวลชนทั้งส่วนกลางและภูมิภาค เยี่ยมชมการท่องเที่ยวชุมชนที่ ต.กู่กาสิงห์ จ.ร้อยเอ็ด เส้นทางสายไหมสุรินทร์ และสวายโมเดล ที่ ต.สวาย จ.สุรินทร์ และการท่องเที่ยวโดยชุมชน ต.สนวนนอก จ.บุรีรัมย์ ซึ่งทั้ง 3 ตำบลดังกล่าว เป็นเป้าหมายในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของ พอช. ให้เข้มแข็งจากจำนวนทั้งสิ้น 500 ตำบล ซึ่งดำเนินการตามนโยบาย "ประชารัฐ" ที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาครัฐ เอกชน วิชาการ ประชาสังคม และประชาชน โดยหนุนเสริมให้ระบบเศรษฐกิจชุมชนท้องถิ่นพึ่งตนเองได้ ช่วยเหลือเอื้อเฟื้อซึ่งกันและกัน มีคุณธรรม และเป็นระบบเศรษฐกิจที่เอื้อให้เกิดการพัฒนาด้านต่างๆ ทั้งวัฒนธรรม สิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติที่เข้มแข็ง ยั่งยืน นอกจากนี้ต้องมีการพัฒนาและการจัดการโดยชุมชนท้องถิ่นให้ครบวงจรมากที่สุด มีการสร้างทุนและกองทุนที่เข้มแข็ง มีการผลิตพื้นฐาน การแปรรูป การบริการ การตลาด การผลิตอาหาร และความจำเป็นต่างๆ สำหรับคนในพื้นที่อย่างพอเพียง และพัฒนาเป็นวิสาหกิจเพื่อสังคม หรือเป็นธุรกิจของชุมชนต่อไปได้

ดร.อนุรักษ์ เรืองรอบ ผู้จัดการสำนักพัฒนาเศรษฐกิจและสัมมาชีพชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) กล่าวถึงพื้นที่ที่เยี่ยมชมทั้ง 3 แห่ง ว่าเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็งมาก คนในชุมชนมีความตั้งใจ และมีส่วนร่วมในกระบวนการเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง แต่บริหารจัดการอย่างเป็นระบบเพิ่งเริ่มต้น ดังนั้นหลายๆ ฝ่ายจึงยื่นมือเข้ามาช่วยกันสนับสนุนเพื่อแก้ปัญหาต่างๆ ให้ชุมชนสามารถพึ่งตนเอง ลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ในชุมชน นำเทคโนโลยีมาช่วย ทำให้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 3 ชุมชนนี้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจได้เร็วมาก ชาวบ้านมีรายได้เพิ่มขึ้น และสามารถขยายฐานการทำงานไปในด้านอื่นๆ อย่างเห็นได้ชัด

"หนึ่งในแผนการพัฒนาชุมชนตามแนวทางเศรษฐกิจฐานรากที่โดดเด่นคือ ตำบลสวาย จ.สุรินทร์ ที่มีการชูเรื่องทอผ้าไหมใต้ถุนเรือนให้เป็นประเด็นนำ ตามด้วยการท่องเที่ยวโดยชุมชน ปิดท้ายด้วยเกษตรอินทรีย์และผลิตภัณฑ์แปรูปต่างๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวเข้ามาดื่มด่ำตามวิถีชาวบ้านตำบลสวาย เรียนรู้วัฒนธรรมเขมรโบราณและไทยอีสานใต้ จากการชูอัตลักษณ์วิถีผ้าไหม ร่วมบูรณาการวัฒนธรรมและภาษา นำมาสู่การท่องเที่ยวโดยชุมชน และวิถีเกษตรอินทรีย์ตามคำสอนของพ่อหลวง ทำให้ตำบลสวาย จ.สุรินทร์ กลายเป็นโมเดลแบบอย่างที่ทำให้ชุมชนท้องถิ่นสามารถจัดการกับเศรษฐกิจและทุนชุมชนได้เอง เอื้อต่อคุณภาพชีวิตที่มั่นคง มุ่งสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ดร.อนุรักษ์กล่าวเพิ่มเติม

ปัจจุบันมากกว่า 1700 ครัวเรือนในตำบลสวาย ที่ดำรงชีพด้วยการทอผ้าไหม และยังมีประมาณ 50 ครัวเรือน ที่ยังคงอนุรักษ์การทอผ้าไหมใต้ถุนเรือนเอาไว้ นอกจากนี้ใน ต.สวายยังมีการจัดการตั้งแต่ปลูกหม่อนเพื่อเลี้ยงไหม ย้อมสีเคมีและสีธรรมชาติ ทอผ้า ไปจนถึงการจัดการเพื่อส่งออกสู่ตลาดผ้าอย่างเป็นระบบ อีกทั้งเกิดการรวมกลุ่มผู้ทอผ้าไหมในตำบลสวายได้เปลี่ยนพื้นที่ในชุมชนเป็นศูนย์การเรียนรู้ทอผ้าพื้นเมือง และกลายมาเป็นตำบลหนึ่งที่ผลิตผ้าไหมพื้นเมืองสีเคมีและสีธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศไทย

ส่วนการท่องเที่ยวชุมชนที่ ต.สนวนนอก จ.บุรีรัมย์ ผู้นำชุมชนมีความเข้มแข็ง และสามารถรวมกลุ่มชาวบ้านมาร่วมทำงานได้เกือบทั้งตำบล จึงเป็นแหล่งท่องเที่ยววิถีวัฒนธรรมโดยชุมชน ที่บริหารงานโดยชุมชนแท้ๆ ทำให้นักท่องเที่ยว ผู้ที่เข้ามาดูงานเข้าใจวัฒนธรรมความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตภาษา ประเพณี วิถีวัฒนธรรมของอีสานใต้ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ สำหรับการเที่ยวชมในชุมชนนั้นจะแบ่งเป็นฐานต่างๆ ให้นักท่องเที่ยวเยี่ยมชม มีบริการอาหารและที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวด้วย ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมาบริษัทประชารัฐรักสามัคคี จ.บุรีรัมย์ และผู้แทนองค์กรชุมชนเข้ามาสนับสนุนให้มีการบริหารจัดการภายในที่ดีขึ้น ทำให้คนในชุมชนมีรายได้กระจายไปทุกครัวเรือนจากการท่องเที่ยวที่จัดการด้วยตนเอง

"โดยภาพรวม ร้อยเอ็ด-สุรินทร์-บุรีรัมย์ พอช.พยายามสื่อสารกับทุกๆฝ่าย เพื่อให้เห็นกระบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่คนในชุมชนได้มีโอกาสลุกขึ้นมามีส่วนร่วม และได้ขับเคลื่อนด้วยตัวเอง แม้ว่ากระบวนการบางพื้นที่อาจจะยังไม่ชัดเจน แต่ ณ วันนี้ เรามีแกนนำแต่ละพื้นที่ได้จับมือกับประชารัฐรักสามัคคี และทีมงานท่องเที่ยวในเขตอารยธรรมอีสานใต้ อนาคตอันใกล้ กระบวนการตรงนี้จะเชื่อมโยงและเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น" ดร.อนุรักษ์กล่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๓๑ ม.ค. รู้จักโรคอ้วนดีแล้ว.จริงหรือ?
๓๑ ม.ค. บมจ.ไทยเซ็นทรัลเคมี ร่วมกับ MBK ส่งมอบปฏิทินในกิจกรรม ปฏิทินเก่ามีค่า เราขอ
๓๑ ม.ค. BSRC ออกหุ้นกู้รอบใหม่ 8,000 ล้านบาท ยอดจองเกินเป้า ตอกย้ำความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน
๓๑ ม.ค. คปภ. ร่วมสัมมนาประกันภัย ครั้งที่ 29 เตรียมรับมือความเสี่ยงอุบัติใหม่ พลิกโฉมธุรกิจประกันภัยสู่ความท้าทายในอนาคต
๓๑ ม.ค. มอบของขวัญให้กับครอบครัวของคุณช่วงวันหยุดพิเศษที่ สเตย์บริดจ์ สวีท แบงค็อก สุขุมวิท
๓๑ ม.ค. OR เปิดตัว CEO คนใหม่ หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ มุ่งผลักดันไทยสู่ Oil Hub แห่งภูมิภาค พร้อมขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัล-นวัตกรรม
๓๑ ม.ค. เดลต้า ประเทศไทย คว้ารางวัล ASEAN's Top Corporate Brand ประจำปี 2567
๓๑ ม.ค. โรงแรมอลอฟท์ กรุงเทพ สุขุมวิท 11 พลิกโฉมใหม่ สุดโมเดิร์น! พร้อมเปิดตัว w xyz bar ตอกย้ำความสนุกในแบบฉบับ
๓๑ ม.ค. PAUL JOE เปิดตัว GLOSSY ROUGE ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ 2025
๓๑ ม.ค. บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) ได้รับเกียรติบัตรศูนย์ รับเรื่องและแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภคระดับดีเด่น จาก สคบ. และการรับรองมาตรฐาน ISO