นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ บล. ภัทร และ ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ จัดงาน Thailand Focus 2017 ภายใต้แนวคิด "Establishing the New Engine" จุดเด่นของงานครั้งนี้จะเป็นการให้ข้อมูลโดยตรงจากบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในรูปแบบการประชุม one-on-one meeting แก่ผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกถึงโอกาสการเติบโตของธุรกิจ จากนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ Thailand 4.0 ของรัฐบาล พร้อมกันนี้ ได้เชิญผู้บริหารระดับสูงในตลาดเงินตลาดทุน ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมให้ข้อมูลถึงแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี ในการพัฒนาประเทศ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัลเทคโนโลยี
"แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะมีความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา แต่ บจ. ไทยยังมีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง สะท้อนจากตัวเลขผลการดำเนินงานที่เติบโตประกอบกับการประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดการดำเนินงานครึ่งปีแรกที่มากกว่าปีที่ผ่านมา อีกทั้งอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่ขยายตัวร้อยละ 3.7 ในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จึงเชื่อว่าจะส่งผลบวกต่อการดำเนินงานของ บจ. ในช่วงที่เหลือของปี ประกอบกับแรงหนุนจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจของรัฐบาล ทำให้เห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้มีผู้ลงทุนสถาบันทั่วโลกร่วมงาน 116 ราย มูลค่าสินทรัพย์รวม (AUM) สูงถึง 2.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีผู้บริหาร บจ. ร่วมให้ข้อมูล 142 บริษัท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ จากทุกกลุ่มอุตสาหกรรม และมีการประชุมในรูปแบบ one-on-one และ group meeting รวมทั้งสิ้น 1,464 ครั้ง มากที่สุดในรอบ 4 ปีของการจัดงาน ชี้ให้เห็นว่าผู้ลงทุนสถาบันเห็นถึงโอกาสและยังเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น" นางเกศรากล่าว
นางพัชนี ลิ่มอภิชาติ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแนวโน้มตลาดทุนไทยว่า ภัทรยังคงเป้าหมาย SET Index สิ้นปีนี้ไว้ที่ 1,600 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปัจจุบันที่ 1,567.52 จุด โดยมี 3 สาเหตุหลัก คือ 1) เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่เงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้นโยบายการเงินทั่วโลกปรับตัวขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงยังมีเงินทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงตลาดทุนไทย 2) เศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวได้ต่อเนื่องตามการส่งออกของสินค้าและบริการ และ 3) งบแสดงฐานะทางการเงินของบริษัทจดทะเบียนไทยยังคงแข็งแกร่ง ทำให้มีภูมิต้านทานสูงต่อความผันผวนของเศรษฐกิจและการเงินโลก สำหรับเศรษฐกิจไทยในปีนี้ มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อนตามการเติบโตของภาคส่งออกสินค้าและรายได้จากภาคการท่องเที่ยว ขณะที่อุปสงค์ในประเทศยังต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว โดยเฉพาะการลงทุนของภาคเอกชนอย่างไรก็ตาม หากภาครัฐสามารถเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ต่อเนื่อง โดยการผลักดันนโยบาย Thailand 4.0 และโครงการพัฒนาเศรษฐกิจชายฝั่งตะวันออก (EEC) ให้เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและเป็นรูปธรรม ก็จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวและเพิ่มศักยภาพการเจริญเติบโตของไทยในอนาคต ซึ่งจะทำให้ตลาดเงินตลาดทุนไทยเป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น
นางสาวอรกัญญา พิบูลธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ สาขาประเทศไทย ธนาคารแห่งอเมริกา เมอร์ริล ลินซ์ กล่าวว่า ประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายสำคัญในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุนต่างชาติ ส่วนหนึ่งมาจากการเชื่อมโยงอย่างแข็งแกร่งกับกลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเชื่อว่าเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ตลอดจนสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ ประกอบกับแรงขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ๆ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจลงทุนให้แก่ประเทศไทยในสายตาผู้ลงทุนทั่วโลก