หลังจากประสบความสำเร็จจากการปั้น "โซลาร์ลา" (SOLARLAA) แอพพลิเคชั่นจำลองการติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์เซลล์ (Solar Cell) ที่ช่วยคำนวณทั้งค่าใช้จ่าย ความประหยัด และความคุ้มทุน ซึ่งนับเป็นสตาร์ทอัพเจ้าแรกของประเทศไทยที่ใช้เทคโนโลยีแอพพลิเคชั่นบุกตลาดธุรกิจพลังงานทดแทนอย่างจริงจัง โดยปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดแล้วกว่า 30,000 ราย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 500 อำเภอทั่วประเทศไทยแล้วนั้น ล่าสุด นอร์ติส กรุ๊ป ได้พัฒนานวัตกรรมช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าสุดล้ำร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ "โซลาร์ลาบ็อกซ์" เทคโนโลยีตรวจสอบการผลิตไฟฟ้าภายในบ้านแบบเรียลไทม์ (Real-time) ใช้ควบคู่กับแอพพลิเคชั่นโซลาร์ลา ซึ่งจะช่วยให้รู้พฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าอย่างง่ายดาย และลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
"โซลาร์ลาบ็อกซ์" มีรูปทรงคล้ายกล่องขนาดกะทัดรัด ดีไซน์ทันสมัย ติดตั้งและใช้งานง่ายด้วยระบบ 'Plug And Play' เพียงแค่เสียบปลั้กเข้ากับแผงควบคุมไฟฟ้าภายในบ้านเท่านั้น จากนั้น "โซลาร์ลาบ็อกซ์" จะตรวจสอบการผลิตไฟฟ้าภายในบ้านและส่งข้อมูลผ่านการเชื่อมต่อสัญญาณอินเตอร์เน็ตไร้สาย (Wireless) ไปแสดงผลยัง "มอนิเตอร์ริ่งแพลทฟอร์ม" (Monitoring Platform) ซึ่งอยู่บนแอพพลิเคชั่นโซลาร์ลา โดยผู้ใช้แอพพลิเคชั่นดังกล่าวสามารถเรียกดูข้อมูลการผลิตไฟฟ้าภายในบ้านได้ทุกที่ทุกเวลาบนโมบายดีไวซ์ (Mobile Device) ของตนเอง โดยได้เปิดตัวโซลาร์ลาบ็อกซ์ซีรีย์แรกแล้ว ได้แก่ "โซลาร์ เซ้นส์" (Solar Sense) หรือ "เอส ซีรีย์" (S Series) ซึ่งซีรีย์นี้สามารถตรวจสอบการผลิตไฟฟ้าภายในบ้านทั้งหลังแบบภาพรวม หลังจากนั้นจะทยอยส่งซีรีย์ต่อๆ ไปเข้าสู่ตลาดภายในปี 2561 ได้แก่ "โซลาร์ โมเมนตัม" (Solar Momentum) หรือ เอ็ม ซีรีย์ (M Series) ซึ่งจะสามารถตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนได้แบบชิ้นต่อชิ้น ตามมาด้วย "โซลาร์ อินสปีริท" (Solar Inspirit) หรือ "ไอ ซีรีย์" (I Series) สุดยอดเทคโนโลยีตรวจสอบการผลิตไฟฟ้าที่เกิดจากอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดภายในบ้านได้อย่างละเอียดและแม่นยำ
นางสาวประภารัตน์ ตังควัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารนอร์ติส กรุ๊ป กล่าวว่า "เรามุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงานทดแทน รวมถึงนวัตกรรมต่างๆ ที่ช่วยประหยัดพลังงาน (Energy Detective Device) โดยผลิตภัณฑ์และแอพพลิเคชั่นที่เราคิดค้นขึ้นมามุ่งเน้นให้อยู่บนดิจิทัลแพลทฟอร์ม (Digital Platform) เพื่อรองรับยุค Internet of Things (IoT) ที่อินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทสำคัญ ยึดแนวคิด "User Friendly" การใช้งานที่สะดวกสบายและง่ายต่อความเข้าใจ โดยจะโฟกัสไปยังตลาดบ้านเดี่ยวหรือหน่วยงานย่อย เพราะเป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ของประเทศ ซึ่งเราคาดว่า หากสังคมตระหนักเรื่องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ จะช่วยลดค่าใช้จ่ายของผู้ใช้ พร้อมทั้งลดการใช้พลังงานของประเทศ จนส่งผลให้เกิด Green Community อย่างยั่งยืนอนาคต" ประภารัตน์กล่าว
ด้าน อาจารย์วรวิทย์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีตคณบดีคณะวิศวกรรม มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงานทดแทนและผู้พัฒนาโซลาร์ลาบ็อกซ์ร่วมกับนอร์ติส กรุ๊ป กล่าวว่า "โซลาร์ลาบ็อกซ์นับเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยที่จะทำให้โลกของพลังงานใกล้ตัวมากขึ้น ซึ่งจากเดิมเทคโนโลยีมอนิเตอร์ริ่งการผลิตไฟฟ้าเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมใหญ่ๆ เท่านั้น โดยข้อดีของอุปกรณ์ตัวนี้คือช่วยให้เรามองเห็นพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้า ทำให้รู้ว่า ใช้ไฟฟ้าไปเท่าไหร่ เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นไหนมีการใช้ไฟฟ้ามากกว่าที่ควร จากนั้น เราสามารถนำมาวิเคราะห์และบริหารการใช้ไฟฟ้า เช่น ลดใช้ไฟฟ้าที่ไม่จำเป็น ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีการใช้ไฟฟ้าผิดปกติ หรือเลือกใช้พลังงานทดแทนในการผลิตไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งจะนำไปสู่การประหยัดค่าไฟฟ้าภายในบ้านของเรานั่นเอง" อาจารย์วรวิทย์ กล่าว
ทั้งนี้ การพัฒนานวัตกรรมต่างๆ ของนอร์ติส กรุ๊ป สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐ รวมถึงสอดคล้องกับการตื่นตัวเรื่องการประหยัดพลังงานของทั่วโลก โดยตั้งเป้าผลักดันให้คนไทยลดใช้พลังงานอย่างยั่งยืนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า จะสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์ทั้งในและต่างประเทศ ภายในปี 2560 นี้ ด้วยกำลังการผลิตรวม 30 เมกกะวัตต์ ซึ่งจะประหยัดไฟฟ้าได้ประมาณ 43 ล้านหน่วย หรือกว่า 172 ล้านบาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-286-3090 หรือไปที่ www.solarlaa.com