นายอนาวิล จิรธรรมศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ CHOW ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กแท่งยาว (Steel Billet) รายใหญ่ของประเทศ และธุรกิจพลังงานโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Farm) ผ่านบริษัท เชาว์ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (CE) บริษัทย่อย กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 5/2560 เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยของบริษัทฯ ขายโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น จำนวน 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตรวม 4.43เมกะวัตต์ ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โครงการ Ibaraki กำลังการผลิต 1.17 เมกะวัตต์ (DC)และโครงการ Oita กำลังการผลิต 3.26 เมกะวัตต์ ให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น มูลค่าประมาณ 2,040 ล้านเยน หรือเทียบเท่า 622.86 ล้านบาท
สำหรับโรงไฟฟ้าโครงการ Ibaraki มีกำลังการผลิต 1.17 เมกะวัตต์(DC) สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ระยะเวลา 18 ปี กับ Ministry of Economy, Trade and Industry (METI) อัตรารับซื้อไฟฟ้า 36 เยนต่อหน่วย จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2558 ส่วนโครงการ Oita มีกำลังการผลิต 3.26 เมกะวัตต์(DC)สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Feed-in Tariff ระยะเวลา 18 ปี กับ Ministry of Economy, Trade and Industry(METI) อัตรารับซื้อไฟฟ้า 40 เยนต่อหน่วย จำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2558
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เชาว์ สตีล อินดัสทรี้ จำกัด (มหาชน) กล่าวต่อว่า การขายโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งในครั้งนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างผลกำไรจากการลงทุน เนื่องจากปัจจุบันโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนได้รับความสนใจจากกองทุนประเภทโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น เป็นอย่างมาก สามารถขายได้ในราคาพรีเมี่ยม โดยบริษัทฯ สามารถนำกระแสเงินสดที่ได้จากการขายสินทรัพย์ดังกล่าวไปเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในโครงการอื่นที่สร้างกำไรให้กับบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นได้ดีกว่าเดิม หรือชำระหนี้ที่เกิดจากการลงทุนก่อนหน้านี้ซึ่งจะทำให้ลดภาระเรื่องดอกเบี้ยจ่ายลง ทั้งยังขยายธุรกิจได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าการขายโครงการโรงไฟฟ้าทั้ง 2 แห่งจะเสร็จสิ้นและ รับรู้รายได้ภายในไตรมาสที่ 4 ปีนี้
"การขายโครงการ Ibaraki และ Oita เป็นเพียงการขายเพื่อสร้างผลกำไรจากการลงทุน เพิ่มความคล่องตัวให้กับการขยายธุรกิจในโอกาสและเงื่อนไขที่ดีกว่า โดย CHOW ยังมีเป้าหมายขยายธุรกิจพลังงานในประเทศญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จากที่ประเทศญี่ปุ่นยังคงมีความต้องการใช้ไฟฟ้าอีกมาก และรัฐบาลให้การสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ประกอบกับบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในตลาดญี่ปุ่นเป็นอย่างดี มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร และเทคโนโลยี ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นโอกาสในการเจริญเติบโตในอนาคต อีกทั้งยังสอดคล้องกับกลยุทธ์กระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่นของบริษัทฯ เนื่องจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ส่วนเป้าหมายจะเพิ่มยอดขายไฟในเชิงพาณิชย์ ( COD) ในปี 2560 ให้มีกำลังผลิตรวมไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์เพื่อสะท้อนรายได้จากธุรกิจพลังงานให้เติบโตก้าวกระโดดอย่างมีนัยสำคัญยังคงยืนตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้" นายอนาวิล กล่าว