ดร.แอนดรูว์ สกาวน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด เปิดเผยว่า มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดได้ก้าวเข้าสู่การเป็นมหาวิทยาลัย 4.0 อย่างเต็มรูปแบบ เนื่องจากเล็งเห็นถึงความสำคัญของการยกระดับคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งตอบรับกับนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาล ซึ่งทางมหาวิทยาลัยใช้ 4-I โมเดล ที่ประกอบด้วย International perspective (มุมมองแบบนานาชาติ) Innovation (นวัตกรรม) Industry Linkage (การเชื่อมโยงกับภาคอุตสาหกรรม) และ Integrity (ความรับผิดชอบต่อสังคม) ซึ่งโมเดล 4-I นั้นจะช่วยส่งเสริมพัฒนาคนรุ่นใหม่ให้มีความพร้อมขับเคลื่อนโมเดลประเทศไทย 4.0 สู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เช่น การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลในการเรียนการสอน การเรียนรู้แบบผสมผสานทั้งในห้องเรียนและออนไลน์ด้วยระบบ Blackboard การค้นคว้าด้วยตัวเอง การฝึกงาน และองค์ความรู้จากภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งมุมมองแบบนานาชาติจากคณาจารย์และนักศึกษาจากกว่า 100 ประเทศทั่วโลก เพื่อเพิ่มทักษะให้กับบัณฑิตที่จบออกไปมีคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาดแรงงานและผู้ประกอบการในอนาคต
ล่าสุดมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดได้เปิดหลักสูตรใหม่ที่มีความทันสมัย ตรงความต้องการของอุตสาหกรรมยุค 4.0 ที่มีเทคโนโลยีและดิจิทัลเป็นตัวผลักดันให้โลกเชื่อมต่อกัน เช่น หลักสูตรบริหารธุรกิจสาขาการเป็นเจ้าของธุรกิจ (Entrepreneurship) การจัดการข้อมูลอัจฉริยะทางธุรกิจ (Business Intelligence) ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (International Relations) และ ศิลปศาสตร์สาขาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนานาชาติ (Applied Global Communication)ส่วนหลักสูตรมีอยู่แล้ว ก็มุ่งพัฒนาเนื้อหาวิชาอย่างต่อเนื่อง พร้อมเพิ่มทางเลือกแบบสองปริญญาในหลายสาขาวิชา อาทิ สาขาการจัดการการโรงแรมนานาชาติร่วมกับมหาวิทยาลัย Blue Mountains ที่ออสเตรเลีย สาขาการตลาดร่วมกับมหาวิทยาลัย Pace ที่นิวยอร์ค สาขาการจัดการอีเว้นท์ร่วมกับมหาวิทยาลัย Kendall ที่ ชิคาโก สหรัฐอเมริกา สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศร่วมกับ EU Business School ในยุโรป และที่สำคัญ แสตมฟอร์ดเป็นมหาวิทยาลัยแรกในประเทศไทยที่หลักสูตรบริหารธุรกิจได้รับการรับรองจาก IACBE สหรัฐอเมริกา
พร้อมกันนี้มหาวิทยาลัยยังเน้นในเรื่องของรูปแบบและนวัตกรรมการเรียนการสอนแบบอินเตอร์แอคทีฟ ให้นักศึกษาคิดวิเคราะห์ และสามารถนำความรู้มาใช้ได้จริง รวมทั้งยังมีโปรแกรมฝึกงาน 480 ชั่วโมงกับบริษัทชั้นนำที่เข้าร่วมโครงการ ทางมหาวิทยาลัยมุ่งสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทที่มีความเชื่ยวชาญในด้านต่างๆเพื่อเพิ่มองค์ความรู้ที่เป็นปัจจุบัน เนื้อหาการเรียนการสอนกลั่นกรองจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเพื่อให้นักศึกษาได้ฝึกวิเคราะห์และแก้ปัญหาจากธุรกิจจริง เช่น เมื่อเร็วๆนี้ แสตมฟอร์ดได้เซ็น MOU กับ L'Oreal ประเทศไทย ในด้าน Retail Excellence (สาขาการตลาด Retail Management) กับ Maybank Kim Eng (สาขาการเงินการธนาคาร) และกับ Index Creative Village (คณะนิเทศศาสตร์และการออกแบบ) เพื่อผลิตบุคลากรที่มีทักษะและมีคุณภาพสู่สังคม และประสบความสำเร็จในอาชีพทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้ รวมทั้งจัดตั้ง Career Hub เพื่อช่วยเหลือและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการฝึกงานและการสมัครงานกับบริษัทต่างๆ
มร.จิลลส์ มาเฮ ซีอีโอ ลอรีเอท ประเทศไทย กล่าวว่า ทางมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ดเป็นสมาชิกมหาวิทยาลัยนานาชาติเครือลอรีเอท ทำให้เข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมต่างๆ สามารถพัฒนาศักยภาพบัณฑิตได้อย่างมีคุณภาพในระดับนานาชาติมาตรฐานสากล "คณาจารย์ของเรา 70% เป็นชาวต่างชาติ นักศึกษา 40% ของเรา มาจากประเทศต่างๆทั่วโลก ดังนั้นนักศึกษาที่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด จะได้สัมผัสประสบการณ์ตรงจากสังคมนานาชาติ รวมทั้งกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงและมีความพร้อมในการเผชิญกับวัฒนธรรมที่หลากหลาย มั่นใจว่าด้วยนโยบายการพัฒนาการศึกษา ทักษะและอาชีพและส่งเสริมด้านนวัตกรรมของรัฐบาล ประเทศไทยจะสามารถ กลายเป็นศูนย์กลางการศึกษาภูมิภาคอาเซียนซึ่งจะช่วยยกระดับแรงงานให้มีความรู้และทักษะสูง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
เนื่องจากแสตมฟอร์ดเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ความรู้ที่เพียบพร้อม จุดแข็งที่สำคัญของมหาวิทยาลัยคือการพัฒนาศักยภาพนักศึกษาให้ก้าวสู่ความสำเร็จได้ โดยเฉพาะจากผลสำรวจการได้รับการจ้างงานของบัณฑิตมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด ปีการศึกษา 2559 พบว่า 31% ได้รับการจ้างงานก่อนเรียนจบ 71% ได้รับการจ้างงานด้วยอัตราเงินเดือนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาด 44% ได้เงินเดือนสูงกว่า 50% ของอัตราเงินเดือนเฉลี่ยในตลาด และ 82% ได้งานภายใน 6 เดือน ซึ่งเราได้ข้อมูลอ้างอิงอัตราเงินเดือนจากตลาดแรงงานปี 2559 ของธนาคารแห่งประเทศไทย เรียกว่าสร้างความภาคภูมิใจให้กับทางมหาวิทยาลัย และความมั่นใจให้กับนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเป็นอย่างยิ่ง