นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่ารายได้และกำไรจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก จากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม 126 เมกะวัตต์ หลังจากที่ทยอยจ่ายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) จนครบในช่วงไตรมาส 2/60 ทำให้ในปีนี้มีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 404 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นพลังงานลม 126 เมกะวัตต์ และโซลาร์ฟาร์ม 278 เมกะวัตต์ และยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับค่า Ft เพิ่ม และธุรกิจไบโอดีเซลได้รับอานิสงส์จากการปรับใช้อัตราส่วนผสม B7 ส่งผลดีต่อรายได้และกำไรในปีนี้
ส่วนความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการพลังงานลมในโครงการหนุมาน จ.ชัยภูมิ กำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีกำหนด COD ในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 นายอมร กล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มงานก่อสร้างและพัฒนาโครงการแล้ว คาดว่าจะเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ ส่งผลให้กำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าทั้งหมดของบริษัทฯภายในสิ้นปี 2561 จะเพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ บรรลุเป้าหมายของบริษัทฯ ผลักดันรายได้และกำไรของ EA ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ล่าสุด EA ได้ผลักดันให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างบริษัทย่อยของ EA ชื่อบริษัท พลังงานมหานคร จำกัด กับการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 ที่ผ่านมา เพื่อร่วมมือกันผลักดันโครงการสถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้เครื่องหมายการค้า "EA Anywhere" เพื่อเตรียมพร้อมและส่งเสริมให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าทั้งประเภทปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle: PHEV) และประเภทแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle: BEV) ที่รัฐตั้งเป้าหมายไว้รวม 1.2 ล้านคันภายในปี 2579 รองรับไทยแลนด์ 4.0 สมาร์ท ซิตี้ สนองนโยบายรัฐบาล ซึ่งนอกจากจะจับมือกับ กฟน.แล้ว ยังมีพันธมิตรที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าวนับสิบราย ทั้งศูนย์การค้าชั้นนำ โรงพยาบาล อาคารสำนักงาน โรงภาพยนต์ คอนโดมีเนียม ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ สถานีบริการน้ำมัน เป็นต้น จนนับเป็นการร่วมมือกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย
นายอมร กล่าวอีกว่า การขยายไลน์เข้าสู่ธุรกิจสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในชื่อ "EA Anywhere" ในครั้งนี้ว่า ได้กำหนดเป้าหมายที่จะติดตั้งสถานีชาร์จทั่วประเทศ 1,000 สถานี ภายในปี 2561 เพื่อเตรียมพร้อมรับการก้าวเข้าสู่ยุคสมาร์ทซิตี้ตามแผนการส่งเสริมของรัฐบาล ซึ่งติดตั้งสถานี้ชาร์จทั่วประเทศนี้ จะทำให้เกิดความเชื่อมั่นในการนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้มากขึ้น การนำรถยนต์ไฟฟ้ามาใช้นี้ จะช่วยให้ประเทศเราประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานลงได้อย่างมาก กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายพลังงานการเดินทางโดยรถยนต์ไฟฟ้า มีราคาถูกกว่าการใช้จักรยานยนต์ การบำรุงรักษาก็น้อย และยังลดมลพิษอีกด้วย สำหรับ EA แล้ว จะได้รับผลดีในระยะยาว นั่นคือ ยิ่งมีพัฒนาการด้านการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามาก ก็ยิ่งส่งผลต่อธุรกิจโรงไฟฟ้าและแบตเตอรี่ของบริษัทให้เติบโตอย่างมั่นคงมากเช่นกัน
อนึ่ง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในงวด 6 เดือนแรกของปี 2560 มีรายได้รวม 5,612.67 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเพียงเล็กน้อย และมีกำไรสุทธิ 1,945.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.24%