นายสาห์รัช ชัฎสุวรรณ ผู้อำนวยการสายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ จำกัด (Mr. Saharat Chudsuwan, Head of Marketing and Wealth Advisory, Mutual & Private Fund Business, TISCO Asset Management Co.,Ltd.)กล่าวว่า จากความมุ่งมั่นของบลจ. ทิสโก้ที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อตอบโจทย์การลงทุนในทุกสถานการณ์ ตอกย้ำความเชี่ยวชาญการจับจังหวะการลงทุน ล่าสุดภายในรอบ 1 สัปดาห์ระหว่างวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 1 กันยายน 2560 บลจ.ทิสโก้ส่งทริกเกอร์ฟันด์หุ้นไทย 3 กองทุน คือ กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #24 (TISCO Thai Equity Trigger 8% Fund 24) (TISEQT24) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งเมื่อปีที่แล้ว ถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2560 กองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #18 (TISCO Thai Equity Trigger 8% Fund 18) (TISEQT18) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งในปี 2558 ถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 และกองทุนเปิด ทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #17 (TISCO Thai Equity Trigger 8% Fund 17) (TISEQT17) ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งในปี 2557 และถึงเป้าหมายเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2560 ทำให้ทั้งสามกองทุนเข้าเงื่อนไขเลิกโครงการ
ทั้งนี้ ในปี 2560 บลจ.ทิสโก้สามารถบริหารกองทุนถึงเป้าหมายแล้ว 7 กองทุน โดยถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 4กองทุนและถึงเป้าหมายนอกกำหนดเวลาการลงทุน 3 กองทุน ในจำนวนนี้เป็นทริกเกอร์ฟันด์จัดตั้งในปี 2560 ทั้งสิ้น 3 กองทุนและถึงเป้าหมายในกำหนดเวลาการลงทุนทั้งหมด และนับตั้งแต่ปี 2551 ถึงปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้บริหารทริกเกอร์ฟันด์ถึงเป้าหมายและเลิกโครงการแล้ว84 กองทุน แบ่งเป็นกองทุนที่ถึงเป้าหมายภายในกำหนดเวลาการลงทุน 67 กองทุน ถึงเป้าหมายนอกกำหนดเวลาการลงทุน 17 กองทุน จากจำนวนทริกเกอร์ฟันด์ภายใต้การจัดการทั้งหมด 119 กองทุน สำหรับกองทุนที่ยังไม่ถึงเป้าหมายนั้นยังอยู่ในระหว่างลงทุนเกินกว่ากำหนดเวลาการลงทุน 16 กองทุนและไม่ถึงเป้าหมายและเลิกกองทุนแล้ว 19 กองทุน
"สัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่นสวนทางตลาดอื่นในภูมิภาค สาเหตุส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนมั่นใจในการเติบโตและเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว หลังรัฐบาลได้ออกมาตรการหนุนเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากเมื่อเร็วๆ นี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติอนุมัติโครงการประชารัฐสวัสดิการเพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยวงเงิน 46,000 ล้านบาท จากมาตรการนี้คาดว่าจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนให้ฟื้นตัวดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาสที่ 4 นอกจากนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวดีขึ้น แม้จะเป็นการฟื้นตัวจากส่งออก และ ท่องเที่ยว แต่แนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนมีสัญญาณบวก หลังจากรายงานตัวเลขนำเข้าสินค้าเพื่อการผลิตเพิ่มขึ้น รวมถึงนักลงทุนคลายความกังวลต่อปัจจัยการเมือง และมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อทิศทางการเลือกตั้งในปี 2561 ส่งผลให้หุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นรับกับตัวเลขเศรษฐกิจที่เติบโตในครั้งนี้ได้" นายสาห์รัชกล่าว
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนรวม มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนการตัดสินใจลงทุน ผู้สนใจกองทุนรวมทิสโก้ สามารถติดต่อ บลจ.ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ TISCO Contact Centerโทร. 02-633-6000 กด 4