คุณทิพย์ ดาลาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ"iii" เปิดเผยว่า เรามีความยินดีที่หุ้น ทริพเพิล ไอ "iii" เริ่มเข้าซื้อขายหุ้นตลาดหลักทรัพย์ SET เป็นวันแรก และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย โดยบริษัทฯ มีแผนการลงทุนในโครงการต่างๆ กว่า 10 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้ธุรกิจของบริษัท อาทิ การเปิดท่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ(Air Cargo Terminal) ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง เร็วๆนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจการขนส่งทางอากาศ และเพื่อรองรับปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศที่จะเพิ่มขึ้น และโครงการขยายศูนย์ขนส่งไปรษณีย์ในประเทศระยะที่ 2
บริษัทฯ มุ่งเน้นการลงทุนสู่ตลาดอาเซียนเพิ่มขึ้น ซึ่งมีแผนการลงทุน โครงการขยายสาขาสำหรับธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศในภูมิภาคอินโดจีน เนื่องจากบริษัทฯเล็งเห็นถึงความสำคัญและประโยชน์ของการเปิดเศรษฐกิจเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community : AEC) ที่มีการเติบโตมากขึ้น จะทำให้บริษัทมีการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมากขึ้นอีกด้วย โดยบริษัทฯจะขยายธุรกิจไปยังตัวแทนสายการบินในภูมิภาคอินโดจีนอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทฯมีแผนขยายธุรกิจการให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์และลานฝากเก็บตู้คอนเทนเนอร์ โดยมีแผนลงทุนซื้อรถหัวลากและหางลากเพิ่มเติม และการขยายธุรกิจ โครงการซื้อรถขนส่งและกระจายสินค้าเคมีและสินค้าอันตราย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและเพิ่มยอดขายการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้าเคมีและสินค้าอันตรายในประเทศ
บริษัท ทริพเพิล ไอ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) มีผลประกอบการที่มีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยในงบดุลสำหรับ 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 1,086 ล้านบาทเติบโตขึ้น 10% จากรายได้รวม985 ล้านบาทใน 6 เดือนแรกของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 82 ล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งเติบโตขึ้น 64% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิ 50 ล้านบาทใน 6 เดือนแรกปีก่อน ในขณะที่ ปี 2559 " iii " มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ยปีละ 35% คิดเป็น 2,075 ล้านบาทในปี 2559 จากรายได้รวม 1,542 ล้านบาท ในปี 2558 และ1,139 ล้านบาทในปี 2557 จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการขายระวางสินค้าและ การให้บริการโลจิสติกส์ ในขณะที่บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโตในอัตราที่สูง 245% เป็น 94.5 ล้านบาท ใน ปี 2559 จากกำไรสุทธิ 27.4ล้านบาทในปี 2558 และ 13.4 ล้านบาท ในปี 2557 และมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นอย่างโดดเด่นจากการบริหารจัดการรายได้และต้นทุนที่ดีขึ้น โดยอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) เพิ่มขึ้นจาก 1.17% ในปี 2557 เป็น4.50% ในปี 2559 และ เป็น 7.55 % ใน 6 เดือนแรกของปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนที่ดีมาก (IBD/E) คือเพียง 0.34 เท่าเท่านั้น iii มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้และหลังการจัดสรรเงินสำรองตามกฎหมาย