บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด ผู้ผลิตผลิต และจำหน่ายทองรูปพรรณ เครื่องประดับอัญมณีตลาดโมเดิร์น เทรดรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ 'ห้างเพชรทอง ออโรร่า' แถลงผลการดำเนินธุรกิจกว่า 4 ทศวรรษ เติบโตแบบก้าวกระโดดกว่า 40 % ต่อปี โชว์ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2560 แตะ 2 พันล้านบาท ตั้งเป้าทะลุ 5 พันล้านบาทภายในสิ้นปี และแตะ 1.5 หมื่นล้านภายใน 3 ปี พร้อมแตกไลน์ธุรกิจใหม่ 'ออโรร่า ไดมอนด์' เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบเครื่องประดับเพชร ด้วยเพชรคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม ผ่านการรับรองจาก IIDGR ในเครือ เดอร์เบียร์ ประเทศอังกฤษ (De Beers) และ SARINE (บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ในการเจียระไนเพชร เพื่อให้ได้เพชรที่สวยที่สุด) ดีไซน์ทันสมัย ในราคาสบายกระเป๋า หวังเพิ่มฐานลูกค้าแมสดันสัดส่วนยอดขายเพิ่ม 40% และเดินหน้าเปิดร้านอีก 30 สาขา ขึ้นแท่นแบรนด์ที่มีสาขามากที่สุดในประเทศไทยกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ
นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม กรรมการบริหาร บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด เปิดเผยว่า ออโรร่าถือเป็นผู้นำในด้านธุรกิจทองรูปพรรณที่เก่าแก่ มีประวัติมายาวนานกว่า 40 ปี และเป็นห้างเพชรทองขึ้นห้างสรรพสินค้าเจ้าแรกของไทย ด้วยคุณภาพสินค้าที่มีมาตรฐาน คุณภาพสูง ดีไซน์คลาสสิค รวมถึงความเชี่ยวชาญของช่างฝีมือทั้งช่างทอง และช่างเพชรที่มีความละเอียด ปราณีต จึงทำให้ได้รับความไว้วางใจ และการยอมรับจากผู้บริโภคตลาดแมสตลอด 40 ปีทีผ่านมา จนปัจจุบันมีสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเกือบ 200 สาขา แต่ด้วยเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลง และนวัตกรรมใหม่ๆ ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคหลากหลายมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงเล็งเห็นถึงช่องทางการตีตลาด และศักยภาพของการจับจ่ายของผู้บริโภค จึงได้ตัดสินใจแตกไลน์ธุรกิจเพื่อจำหน่ายเครื่องประดับเพชรอย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ'ออโรร่า ไดมอนด์' เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคสมัยใหม่ เจาะกลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป วัยทำงาน โดยคาดว่า ออโรร่า ไดมอนด์ จะเพิ่มยอดขายบริษัทฯ โดยรวมให้เพิ่มสูงขึ้นได้อีกกว่า 40% ของรายได้เดิม
ปัจจุบัน ตลาดเพชรภายในประเทศมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าแสนล้านบาท ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงโอกาสในการขยายธุรกิจกลุ่มนี้ ประกอบกับฐานลูกค้าเดิมของออโรร่าที่ซื้อสินค้าทองรูปพรรณอยู่แล้ว และมีความสนใจซื้อเพชร เนื่องจากอยู่ในร้านเดียวกัน โดยช่วงที่ผ่านมายอดขายเพชรมีการเติบโตปีละ 40-50% ขณะที่ปัจจุบันแบรนด์อื่นๆ ในตลาดจะจำหน่ายสินค้าประเภทเดียว คือ ทอง หรือเพชร เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงเป็นโอกาสที่ดีของ ออโรร่า ที่จะสร้างความแตกต่างในตลาด โดยจะเป็นแบรนด์แรกที่จำหน่ายทั้ง
ทองรูปพรรณ และเครื่องประดับเพชรอย่างเป็นทางการในร้านเดียวกันนอกจากนี้ เพื่อให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในคุณภาพสินค้าของออโรร่า ไดมอนด์ เราจึงร่วมเป็นพันธมิตรระดับเวิลด์คลาสอย่าง สถาบัน IIDGR จาก De Beers (เดอเบียร์) ประเทศอังกฤษ และ Sarine (ซารีน) จากประเทศ อิสราเอล รายแรกในประเทศไทย กับคอลเลคชั่น The Ultimate Love โดยเครื่องประดับเพชรทุกชิ้นได้รับการรับรองคุณภาพจาก 2 สถาบันดังกล่าว เป็นครั้งแรกของวงการเพชรในประเทศไทย ที่บริษัทคนไทย ได้รับการรับรองคุณภาพเพชรจาก ซารีน (Sarine) ประเทศอิสราเอล บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ในการเจียระไนเพชร เพื่อให้ได้เพชรที่สวยที่สุด ได้สมมาตรที่สุด เล่นไฟมากที่สุด และเปล่งประกายแวววาว ระยิบระยับระดับสูงสุด ชื่อ เพชรกลุ่มอัลติเมท (Ultimate) ซึ่งเพชรประเภทนี้หายากมาก และมีเพียง 2% ในโลกเท่านั้น และนั่นคือที่มาของชื่อ คอลเล็คชั่นแรกของออโรร่า ไดมอนด์ คือ ดิ อัลติเมท เลิฟ (The Ultimate Love)
สำหรับคอลเล็คชั่นแรก จะประกอบไปด้วยเครื่องประดับเพชรหลากหลายดีไซน์กว่า 200 แบบ แบ่งเป็นจี้ ต่างหู และแหวน ประดับทอง และทองขาว โดยได้แรงบันดาลใจจากความรักที่ออโรร่า ไดมอนด์ ตั้งใจมอบให้ผู้บริโภคผ่านทางเครื่องประดับเพชรทุกชิ้น โดยเน้นชูความเด่นของเพชร ด้วยดีไซน์สวย ทันสมัย มีความเป็นเฟมินีน ใส่ง่าย ใส่ได้ทุกวัน สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับเสื้อผ้าได้หลากหลาย ในราคาที่เอื้อมถึง โดยราคาสินค้าเริ่มต้น 29,900 บาทเท่านั้น โดยได้เริ่มวางจำหน่ายเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่สาขาในกรุงเทพฯ และจะทยอยส่งสินค้าให้ครอบคลุมยังสาขาต่างจังหวัดภายในสิ้นเดือนกันยายน 2560 ออโรร่า ไดมอนด์ มีสาขาราว 180 แห่งที่อยู่ในห้างเพชรทองออโรร่า และแบบstand alone 9 สาขา รวมกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
สำหรับภาพรวมธุรกิจ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด เป็นธุรกิจค้าปลีกที่ประกอบไปด้วยการจำหน่ายสินค้า 4 ประเภทคือ โมเดิร์น โกลด์ (ทองรูปพรรณ 96.5%) ดีไซน์ โกลด์ (ทองรูปพรรณ 75%) ดีไลท์ โกลด์ (ทองรูปพรรณต่างๆ รวมถึงเครื่องประดับมีค่า)และออโรร่า ไดมอนด์ (เครื่องประดับอัญมณี และเพชร) และบริการหลัก 1 บริการคือ บริการรับขายฝาก (ทองและเครื่องประดับมีค่า) ออโรร่า มีแผนเปิดสาขาใหม่อีก 30 สาขา เน้นสาขาในห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก และได้เตรียมงบลงทุนอีก 80 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมหน้าร้านใหม่ราว 30 สาขา โดยคาดว่าสิ้นปี 2560 จะมีสาขารวมทั้งหมด 200 สาขาทั่วประเทศ