"สำหรับผลการดำเนินงานของกองทุน LTF ที่มีการจ่ายปันผลในครั้งนี้จัดว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ซึ่งในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 59 – 31 ส.ค. 60) กองทุน LTF สามารถจ่ายเงินปันผลได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่กองทุนถืออยู่ โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ 6.37% - 7.32% ต่อปี สำหรับกองทุน KDLTF, KGLTF และ K20SLTF ส่วนกองทุน K70LTF ซึ่งมีนโยบายลงทุนในหุ้นไม่เกิน 70% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ 5.07% ต่อปี (ที่มา Bloomberg: ณ วันที่ 31 ส.ค. 60) ด้านผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี ของกองทุน K70LTF, KDLTF, KGLTF และ K20SLTF ให้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.69%, 6.43%, 2.49% และ 4.56% ตามลำดับ ส่วนกองทุน K-PROP มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 6.24% ต่อปี และมีผลการดำเนินงานย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 5.28% (ข้อมูล ณ วันที่ 31ส.ค. 60)" นางสาวธิดาศิริกล่าว
นางสาวธิดาศิริกล่าวเพิ่มเติมถึงมุมมองการลงทุนและแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะยังขยายตัวต่อเนื่องด้วยแรงหนุนจากการดำเนินนโยบายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งการเริ่มฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน ส่วนตลาดหุ้นไทยเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้น จากปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ตัวเลข GDP ที่ออกมาแข็งแกร่งและความคลายกังวลทางการเมือง ส่วนปัจจัยภายนอกประเทศที่ต้องติดตาม คือ ความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือและสหรัฐฯ รวมถึงนโยบายของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนในระยะสั้น นอกจากนี้แม้ว่านักวิเคราะห์จะมีการปรับประมาณการผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนลงบ้าง หลังประกาศผลประกอบการในไตรมาส2/2560 แต่อัตรากำไรสุทธิของ SET Index น่าจะยังสามารถยืนเหนือระดับ 100 จุด ได้ ทั้งนี้ บลจ.กสิกรไทยยังคงคาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยปลายปีอยู่ที่ระดับ 1,650 จุด ซึ่งกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทจะเน้นที่การคัดเลือกหุ้น (Stock Selection) โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่มีแนวโน้มด้านผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในปี 2560 และหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลัง รวมถึงพิจารณาหุ้นที่มี Valuation หรือราคาที่ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ
ด้านกองทุน K-PROP นางสาวธิดาศิริกล่าวว่า บริษัทยังมีมุมมองที่เป็นบวกต่อการลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ทั้งในประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์ โดยกองทุนยังเน้นการลงทุนในกลุ่มอสังหาฯ ประเภทค้าปลีกและอาคารสำนักงานที่มีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนที่มั่นคงในประเทศไทย ส่วนในประเทศสิงคโปร์จะเน้นลงทุนในกอง REIT ที่คาดว่าจะได้รับผลบวกจากสภาพเศรษฐกิจของสิงคโปร์ที่พื้นตัวดีขึ้น นอกจากนี้ อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของหุ้นกลุ่มอสังหาฯ ยังน่าดึงดูดกว่าตลาดในภาพรวม อย่างไรก็ตามในระยะสั้นอาจมีปัจจัยเสี่ยงบ้าง หากแนวทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ไม่เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์
ผู้ที่สนใจลงทุนในกองทุน K20SLTF กองทุน KDLTF กองทุน K70LTF กองทุน KGLTF และกองทุน K-PROP สามารถขอรับหนังสือชี้ชวนเสนอขายได้ที่ธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KAsset Contact Center 0 2673 3888
ผู้ลงทุนโปรดศึกษาคู่มือภาษี LTF และทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงของกองทุนได้ที่ www.kasikornasset.com หรือ บลจ.กสิกรไทย หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา หรือขอข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลที่เสนอขายกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน
กองทุน รอบผลการดำเนินงาน อัตราเงินปันผล (บาท/หน่วย)
K20SLTF 1กันยายน2559- 31สิงหาคม2560 0.45
KDLTF 1กันยายน2559- 31สิงหาคม2560 0.63
K70LTF 1กันยายน2559- 31สิงหาคม2560 0.49
KGLTF 1กันยายน2559- 31สิงหาคม2560 0.47
K-PROP 1มิถุนายน2560- 31สิงหาคม2560 0.40