นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) กล่าวในงานสัมมนา "EXIM BANK Overseas Investment Forum 2017" จัดโดย EXIM BANK ร่วมกับบริษัท มาร์ช พีบี จำกัด ให้แก่ผู้ประกอบการไทยจำนวน 150 คน ณ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2560 ว่า ในปัจจุบัน CLMV ถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงที่สุดของโลกในอัตรา 7-8% ต่อปีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีประชากรรวมกันกว่า 170 ล้านคน มีจำนวนชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สะท้อนถึงกำลังซื้อที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีมาตรการกีดกันทางการค้าไม่มาก และภาคการผลิตอยู่ในระยะเริ่มต้นของการพัฒนา ทำให้ยังต้องการสินค้าจากต่างประเทศจำนวนมาก เป็นปัจจัยในการขับเคลื่อนการเติบโตของภาคการส่งออกของไทย โดยมูลค่าส่งออกของไทยไป CLMV ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2560 ขยายตัวถึง 13.5% สูงกว่ามูลค่าส่งออกรวมที่ขยายตัว 7.8% ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรต้องรีบรุกเข้าตลาด CLMV ให้ได้ก่อนคู่แข่ง เพื่อขยายฐานลูกค้าและกระจายความเสี่ยงจากตลาดหลักที่ผันผวนมาก โดยอาศัยข้อได้เปรียบจากการที่สินค้าไทยเป็นที่นิยม และความคุ้นเคยใกล้ชิดทางวัฒนธรรม ทำให้ผู้ประกอบการไทยทำตลาดใน CLMV ได้ไม่ยาก
ในการทำตลาดการค้าระหว่างประเทศ ผู้ประกอบการไทยควรเข้าไปลงทุนหรือขยายฐานการผลิตในต่างประเทศ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ลดต้นทุนการผลิต เข้าถึงตลาดแรงงานและสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่างๆ สำหรับส่งออกไปยังตลาดหลัก เช่น สหรัฐฯ และยุโรป โดย EXIM BANK พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยเข้าไปลงทุนและค้าขายสินค้าป้อนผู้บริโภคหรืออุตสาหกรรมในประเทศที่เข้าไปลงทุนนั้นหรือส่งออกต่อ อาทิ บริการสินเชื่อทั้งการให้กู้ตรงและการให้กู้ร่วมกับสถาบันการเงินอื่น การเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริการประกันความเสี่ยงการลงทุน บริการสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ และการเจรจากับภาครัฐและเอกชนในต่างประเทศเพื่อรุกสร้างโอกาสทางธุรกิจให้ภาคเอกชนที่สนใจและมีศักยภาพสามารถขยายการลงทุนในต่างประเทศ
บริการประกันความเสี่ยงการลงทุนรู้จักกันในกลุ่มนักลงทุนทั่วโลกว่า "Political Risk Insurance" หรือ "Investment Insurance" เป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้นักธุรกิจเข้าไปลงทุนหรือย้ายฐานการผลิตไปต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามารถนำรายได้กลับประเทศไทยได้ ท่ามกลางความเสี่ยงทางการเมืองในต่างประเทศ โดยในปี 2558 มูลค่าการรับประกันความเสี่ยงทางการเมืองของธุรกิจทั่วโลกสูงถึง 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2.673 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ทั้งในแง่ของมูลค่าธุรกิจและมูลค่าการขอรับค่าสินไหมทดแทน ในปี 2559 องค์กรรับประกันทั่วโลกมีมูลค่าธุรกิจใหม่ภายใต้การประกันความเสี่ยงทางการเมืองสูงถึง 112,812 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภูมิภาคที่มีสัดส่วนมูลค่าธุรกิจใหม่สูงที่สุดได้แก่ อาเซียน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 17% หรือคิดเป็นมูลค่า 19,178 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รองลงมา คือ กลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราชหรือ CIS (15%) และกลุ่มประเทศละตินอเมริกา (12%)
"นักธุรกิจไทยมีศักยภาพอย่างมากที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการ รวมถึงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานอีกมาก EXIM BANK จึงพร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนและเครื่องมือบริหารความเสี่ยงการลงทุน เพื่อช่วยให้คนไทยขยายกิจการและโครงการลงทุนต่างๆ ไปต่างประเทศได้อย่างไร้พรมแดน นำมาซึ่งรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ ต่อยอดการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมของไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม" นายพิศิษฐ์กล่าว