นายสมบัติ นราวุฒิชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS เปิดเผยภายหลังการเข้ารับตำแหน่งกรรมการ และประธานกรรมการบริหารว่า ภาพรวมธุรกิจซื้อขายหลักทรัพย์ (โบรกเกอร์)ในปัจจุบันมีการแข่งขันเข้มข้น และมีการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับใน 5-10 ปีที่ผ่านมา และมีบริษัทที่ประกอบธุรกิจโบรกเกอร์เพิ่มขึ้น จนปัจจุบันมีเกือบ 40 บริษัทด้วยกัน สอดคล้องกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศจากการขับเคลื่อนของโนบายภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชน
ดังนั้นมองว่ากลยุทธ์การดำเนินงาน เพื่อขับเคลื่อนให้ บล. AECS มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคงในระยะยาวนั้น ควรให้ความสำคัญระหว่างลูกค้าสถาบัน และรายย่อยควบคู่กันไป พร้อมทั้งการพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ เสริมจุดแข็งในด้านของเครื่องมือโปรแกรมเทรดต่างๆ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในยุคเทคโนโลยีข่าวสารในปัจจุบัน ซึ่งสังเกตได้ว่ากลุ่มลูกค้าสถาบันมีการเติบโตเพิ่มสูงขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม เนื่องจากกลุ่มนักลงทุนมีความรู้ความเข้าในในการลงทุน และการจัดตั้งกองทุนที่เพิ่มขึ้นทำให้มีการลงทุนที่หลายหลายมากขึ้น ในขณะที่กลุ่มนักลงทุนรายย่อยกลับลดลงบ้างแต่ไม่มาก
อีกทั้งเพิ่มช่องทางการสร้างรายได้จากการผลักดันบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งในปีนี้คาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ได้จำนวน 2 บริษัท และอยู่ระหว่างรอยื่น ไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ อีกประมาณ 2 บริษัท โดยคาดว่าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ ได้ต้นปี 2561
" บล.เออีซี มีความแข็งแกร่งในส่วนของทีมงานที่มีความสามารถ มีความเชี่ยวชาญทั้งในส่วนของฝ่ายวาณิชธนกิจ ฝ่ายวิจัย ฝ่ายเจ้าหน้าที่การตลาด ที่มีประสบการที่ยาวนาน และเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน เพราะทุกคนมีประสบการณ์ในการทำงานอย่างยาว ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดแข็งของเราที่จะขับเคลื่อนบริษัทให้ก้าวไปข้างหน้าให้เติบโตอย่างมั่นคง " นายสมบัติ กล่าว
ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS กล่าวเพิ่มว่า นอกจากนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างเตรียมการพัฒนาระบบใหม่ๆรองรับการซื้อขายหลักทรัพย์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า อาทิ BLOCK TRADE ที่เป็นตัวช่วยให้นักลงทุนรายย่อยสามารถลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Set 100 และอยู่ระหว่างการพัฒนาระบบเทรด AI. Trade ซึ่งคาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะตอบโจทย์ลูกค้าด้านการลงทุนของบริษัทได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2560 คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สามารถยืนเหนือระดับ 1,600 จุด และมีโอกาสไปทดสอบที่ระดับ 1,700 จุดได้ในช่วงต้นปี 2561 ได้ ซึ่งเกิดจากปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีความชัดเจนมากขึ้น หนุนให้มีการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนเพิ่มขึ้น
" ช่วงก่อนสิ้นปีนี้จนถึงปีหน้า คาดว่าแนวโน้มเศรษฐกิจในปะเทศจะมีการทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น เกิดจากนโยบายการลงทุนของภาครัฐ และแนวทางการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปลายปี 2561 ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่น และกลับเข้ามาลงทุนเพิ่มมากขึ้น" นายสมบัติกล่าว
ดังนั้นจึงมั่นใจในจุดแข็งของบล.เออีซี ที่มีอยู่ และพัฒนารูปแบบการให้บริการใหม่ๆ พร้อมกับให้ความสำคัญการบริหารงานอย่างมีธรรมาภิบาล ถือเป็นการเพื่อสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง