เมโทรซิสเต็มส์ฯ ชูนวัตกรรมสุดล้ำ "HP Jet Fusion 3D Printing" ขับเคลื่อนธุรกิจ "DPG" เติบโตต่อเนื่องหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแห่งแรกของเอชพี อิงค์ ในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก เดินหน้าลงทุนเปิดศูนย์สาธิตเทคโนโลยีให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนตัดสินใจ ผนึกพันธมิตรด้านซอฟต์แวร์ 3D พร้อมรุกธุรกิจการพิมพ์เต็มรูปแบบ
บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศเปิดตัวเครื่องพิมพ์ 3 มิติ "HP Jet Fusion 3D Printing" เครื่องแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำสู่เมืองไทย ในฐานะที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายแห่งแรกของเอชพี อิงค์ ในประเทศไทยและเอเชียแปซิฟิก ลงทุนเปิดศูนย์สาธิตเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติ ให้ลูกค้าได้สัมผัสก่อนตัดสินใจ เตรียมผนึกพันธมิตรนำเสนอโซลูชันด้านการพิมพ์ 3 มิติ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา
นายธงชัย หล่ำวีระกุล ผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจดิจิตอลพริ้นติ้ง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัท เอชพี อิงค์ ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องพิมพ์ 3 มิติของ เอชพี เป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเอเชียแปซิฟิก (HP's first reseller & first IT Var in APJ) และ ได้ติดตั้งเครื่องพิมพ์ 3 มิติ "HP Jet Fusion 3D Printing" เครื่องแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อให้เป็นศูนย์สาธิตเทคโนโลยีล่าสุดที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เข้ามาสัมผัสเทคโนโลยีสุดล้ำของ "HP Jet Fusion 3D Printing" ได้อย่างใกล้ชิด
"เราเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีที่ชาญฉลาด รวมถึงการบริการและการให้การสนับสนุนจากเอชพี จะช่วยยกระดับการทำธุรกิจของเราให้เติบโต และด้วยเทคโนโลยีที่เหนือชั้นกว่า พร้อมด้วยบริการสนับสนุนจากเอชพี ลูกค้าของเราจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ด้านการบริการทั้งความรวดเร็ว ความคุ้มค่า" นายธงชัย กล่าว "HP Jet Fusion 3D Printing จะช่วยสร้างคุณค่าเพิ่มให้กับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา สามารถรองรับการพัฒนางานด้านการพิมพ์ต้นแบบชิ้นงานแบบ 3 มิติ ช่วยต่อยอดธุรกิจการออกแบบในภาคอุตสาหกรรมให้มีกระบวนการผลิตชิ้นงาน 3 มิติที่สมบูรณ์"
แนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มแบบเปิดในตัวอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ของเอชพี จะช่วยเมโทรซิสเต็มส์ฯ ในการทำงานร่วมกับพันธมิตรด้านซอฟต์แวร์ 3 มิติ ในการจัดงาน "HP Jet Fusion 3D Printing - The NEW era of Manufacturing and Prototyping" เพื่อแนะนำโซลูชันใหม่ล่าสุดที่จะมาปฏิวัติรูปแบบใหม่ของการสร้างต้นแบบและผลิตชิ้นงานที่สามารถใช้ได้จริงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย
"เมโทรซิสเต็มส์ฯ และ เอชพี มีสัมพันธภาพยาวนานมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 เราเป็นคู่ค้าด้านการพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุดของเอชพีในประเทศไทย และยังเป็นสมาชิกใน HP founders club and Partner Advisory Board ล่าสุดบริษัทฯ เพิ่งจัดงานเปิดตัวเครื่องพิมพ์ HP PageWide รุ่น A3 ในฐานะ Platinum partner ของเอชพี" นายธงชัย กล่าวเพิ่มเติม
นายกฤษฎา พันธุ์ลำใย ผู้ช่วยผู้อำนวยการกลุ่มธุรกิจดิจิตอลพริ้นติ้ง บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า "HP Jet Fusion 3D Printing" มีเทคโนโลยีที่เหนือชั้นด้วยการพิมพ์งานที่เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบ 3 มิติยี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า1 ทั้งเป็นเครื่องพิมพ์สามมิติสำหรับอุตสาหกรรมที่มีความละเอียดสูง และมีความสามารถในการผลิตชิ้นงานสามมิติที่มีความซับซ้อน แพลตฟอร์มด้านการพิมพ์งานสามมิติของเอชพี นับเป็นวิสัยทัศน์ก้าวแรกของเอชพีในการเข้าสูยุคใหม่ของการพิมพ์งาน 3 มิติ เพื่อส่งต่อแนวการปรับปรุงที่สำคัญในเรื่องความเร็ว คุณภาพ และต้นทุนค่าใช้จ่าย เพื่อต่อกรกับโซลูชันที่มีอยู่ในตลาดขณะนี้ ด้วยการพิมพ์ชิ้นงานซึ่งใช้ได้จริงด้วยความละเอียดคมชัดในระดับว็อกเซล (Voxel) เป็นครั้งแรก (ว็อกเซลในงานพิมพ์ 3 มิติเท่ากับพิกเซลในงานพิมพ์ 2 มิติที่มีอยู่เดิม) โซลูชันเอชพีพร้อมนำเสนอลูกค้าถึงความสามารถที่ไม่เคยมีมาก่อนในการปรับเปลี่ยนคุณลักษณะของชิ้นงาน และส่งต่อการผลิตชิ้นงานได้ตามความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน (Mass Customization)
แพลตฟอร์มการพิมพ์แบบ 3 มิติของเอชพีโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ด้านความสามารถการพิมพ์ที่มากกว่า 340 ล้านว็อกเซลต่อวินาที เมื่อเทียบกับการพิมพ์หนึ่งจุดต่อครั้ง ทำให้การผลิตเชิงอุตสาหกรรม หรือ การพัฒนาต้นแบบสามารถผลิตชิ้นงานที่นำไปใช้ได้จริงได้รวดเร็วขึ้นอีกทั้งยังประหยัดต้นทุน
"ขณะที่เราดำเนินการขยายขนาดธุรกิจด้านงานพิมพ์ 3 มิติอย่างต่อเนื่องไปทั่วโลก เราก็กำลังกระจายการใช้งานโซลูชันผ่านตัวแทนจำหน่ายรายใหม่ เช่น เมโทรซิสเต็มส์ฯ ไปด้วย" นายปวิณ วรพฤกษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอชพี อิงค์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว "เราหวังว่า การทำเช่นนี้จะช่วยธุรกิจภายในประเทศในการเร่งตอบรับเทคโนโลยียุคอุตสาหกรรม 4.0 และปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลไปด้วยกันทั้งหมด ขณะยังคงความสามารถทางการแข่งขันในอุตสาหกรรมการผลิตซี่งมีมูลค่ารวมกว่า 12 ล้านล้านเหรียญ"
เครื่องพิมพ์ HP Jet Fusion 3D 4200 ซึ่งพร้อมนำเสนอผ่านเมโทรซิสเต็มส์ฯ ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการในการผลิตชิ้นงานต้นแบบ และเป็นการผลิตที่ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ด้วยประสิทธิภาพในการผลิตสูง สามารถตอบโจทย์ความต้องการชิ้นงานสำเร็จภายในวันเดียว และในราคาต่อชิ้นงานที่ถูกที่สุด โดยเครื่องพิมพ์ HP Jet Fusion 3D 4200 ได้นำเสนอ
•กระบวนการพิมพ์โดยใช้ Multi-Agent อันเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งให้ความแม่นยำเชิงมิติได้อย่างเยี่ยมยอด ตลอดจนรายละเอียดชิ้นงานที่ประณีต
•ลดต้นทุนประกอบการ การผลิตชิ้นงานคุณภาพด้วยวัสดุเทอร์โมพลาสติกที่ใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์ และเป็นเกรดเดียวกับที่ใช้ในงานวิศวกรรม และเทคโนโลยีชั้นนำในอุตสาหกรรมที่สามารถนำผงวัสดุส่วนเกินกลับมาใช้ใหม่ได้ 2
•ฐานกระบวนการผลิตพร้อมระบบระบายความร้อนจากชิ้นงาน เพื่อปรับปรุงความเร็วของระยะเวลาการผลิตต่อชิ้นงานแบบครบวงจร
•โหมดการพิมพ์ขั้นสูง และโหมดการพิมพ์ที่กำหนดได้เองเพื่อควบคุมคุณสมบัติเชิงกลไก การนำไปใช้งาน และความสวยงาม รวมถึงความแม่นยำ และความเร็ว
"เราเชื่อมั่นว่า "HP Jet Fusion 3D Printing" จะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจของ "Digital Printing Group" หรือ "DPG" มีโอกาสเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเป็นนวัตกรรมล่าสุดซึ่งเป็นหนึ่งในเทรนด์ด้านเทคโนโลยีที่สำคัญของโลกที่ลูกค้าจะได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาอย่างใกล้ชิด" นายธงชัย กล่าวสรุปในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ "HP Jet Fusion 3D Printing" โปรดติดต่อ โทร.1640 หรือ www.metro-oa.com
1 ขึ้นอยู่กับการทดสอบและการจำลองภายใน HP Jet Fusion 3D printing solution มีความเร็วในการพิมพ์เฉลี่ยสูงกว่าเครื่องพิมพ์ FDM & SLS ถึง 10 เท่า จากระดับราคาขายในตลาดที่ 100,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จนถึง 300,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ณ เดือนเมษายน 2559 ตัวแปรในการทดสอบ: คุณภาพของชิ้นงาน-ชิ้นงานเต็มรูปแบบ 1 ชิ้น จากเครื่องพิมพ์ HP Jet Fusion 3D ณ ค่าความหนาแน่น ของน้ำหนักบรรจุ (packing density) ที่ 20% เทียบกับชิ้นงานจำนวนเดียวกันที่ผลิตโดยอุปกรณ์ของคู่แข่งที่กล่าวถึงก่อนหน้านี้ ขนาดของชิ้นงาน: 30 กรัม ชั้นความหนาของชิ้นงาน: 0.1 มม./0.004 นิ้ว การระบายความร้อนของชิ้นงานซึ่งทำได้ในฐานกระบวนการผลิตของ HP Jet Fusion 3D ด้วยระบบระบายความร้อนที่พร้อมใช้งานแล้วในปี 2560 ฐานกระบวนการผลิตพร้อมระบบระบายความร้อนช่วยให้การระบายความร้อนของชิ้นงานได้ในเวลารวดเร็ว เมื่อเทียบกับเวลาที่ผู้ผลิตได้อ้างถึงเครื่องพิมพ์ SLS ในระดับราคาที่ 100,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ จนถึง 300,000 เหรียญดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีการทดสอบไปแล้วในเดือนเมษายน 2559 ขณะที่เครื่องพิมพ์ FDM ไม่สามารถทำได้ การพิมพ์ต่อเนื่องต้องใช้ HP Jet Fusion 3D Build Unit เพิ่มเติม (โดยส่วนประกอบเครื่องพิมพ์มาตรฐานได้รวมHP Jet Fusion 3D Build Unit ไว้ให้แล้ว 1 ชุด)
2 HP Jet Fusion 3D print solution ที่มาพร้อมกับระบบการนำวัสดุสร้างงาน 3 มิติ PA 12 กลับมาใช้ใหม่ของเอชพี ทำให้การนำผงวัสดุส่วนเกินภายหลังกระบวนการพิมพ์กลับมาใช้ใหม่ได้สูงสุดถึง 80% เมื่อเทียบกับการนำวัสดุ PA 12 ไปใช้กับเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติด้วยผงวัสดุอื่น ประสิทธิภาพการทำงานคงที่ด้วยอัตราการนำผงวัสดุกลับมาใช้ใหม่ที่ 20% เท่านั้น
เผยแพร่ข่าวโดย
สุภาพร กิติภัทร์ถาวร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท เมโทรซิสเต็มส์คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
โทร.02-089-4346
อีเมล์ : [email protected]
www.metrosystems.co.th