พลเอก ปัฐมพงศ์ ประถมภัฏ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ในฐานะผู้นำคณะผู้แทนไทย ไปเข้าร่วมการประชุม The 3rd International Symposium on Fisheries Crime (FishCRIME2017) กรุงเวียนนา สาธารณรัฐออสเตรีย ได้แสดงท่าทีของประเทศไทยว่าในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ของโลก จำเป็นต้องคำนึงถึงความมั่นคงทางอาหาร ความปลอดภัย และคุณภาพของอาหารที่ผลิตสำหรับผู้บริโภค ที่สำคัญห่วงโซ่การผลิตต้องไม่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางการประมง ซึ่งมีเครือข่ายความเชื่อมโยงข้ามชาติ
ในส่วนของประเทศไทยได้มีการปฏิรูปการประมงเพื่อความยั่งยืนซึ่งเป็นเป้าหมายแห่งชาติ มีกรอบกฎหมายใหม่ที่เป็นสากลมากขึ้น เพื่อป้องกัน ยับยั้ง และขจัดการทำประมง IUU เรือประมงและเรือสนับสนุนทุกประเภทจะถูกควบคุมตามมาตรฐานสูงสุด สินค้าประมงที่นำเข้าไทยจะถูกตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วน ซึ่งหากมีสินค้าที่ทำผิดกฎหมายเข้ามาก็จะดำเนินมาตรการทั้งทางอาญาและทางการปกครองอย่างรุนแรง เพื่อป้องกันสินค้าประมง IUU เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตตามมาตรการรัฐเจ้าของท่าและระบบการตรวจสอบย้อนกลับ พร้อมทั้งได้ผลักดันมาตรการต่าง ๆ เพื่อป้องกันอาชญากรรมประมง
นอกจากนี้ ยังได้พยายามแก้ไขปัญหาแรงงานในภาคการประมง ไม่เฉพาะการปรับปรุงแก้ไขกฎหมายแรงงานให้เป็นสากลมากขึ้นเท่านั้น แต่ได้มีการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวังทั้งการทำประมง IUU และแรงงานผิดกฎหมายหรือการทำงานที่ไม่พึงประสงค์ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งความผิดในสิ่งเหล่านี้มีโทษรุนแรงเพื่อให้เกิดการยับยั้งมิให้กระทำผิดต่อไป ซึ่งต้องขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ได้ร่วมมือประสานงานอย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือในการปฏิรูปของไทยครั้งนี้ด้วย
โดยในการประชุมครั้งนี้ ประเทศไทยได้มีการแสดงจุดยืนที่มุ่งมั่นในการขจัดอาชญากรรมประมง และขอความร่วมมือจากทุกประเทศในการช่วยกันปราบปรามอาชญากรรมประมงทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ระดับโลก ตามแนวทางที่ดีที่สุด ซึ่งในที่ประชุมต่างรู้สึกชื่นชมกับท่าทีของประเทศไทยและพร้อมที่จะร่วมมือกันหยุดยั้งอาชญากรรมประมงด้วยความเข้มแข็งเพื่อความยั่งยืนของทรัพยากรประมงของโลก....ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าว