นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีดีเฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในฐานะเจ้าของและผู้บริหารสิทธิ์แฟรนไชส์ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านทั่วประเทศ 3 ไตรมาสที่ผ่านมายังทรงตัว โดยตลาดในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลปรับตัวดีขึ้น แต่ต่างจังหวัดชะลอตัว ขณะที่การแข่งขันค่อนข้างรุนแรงตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา เหตุเพราะกำลังซื้อผู้บริโภคและเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนนัก กอปรกับการเข้ามาแข่งขันของผู้ประกอบการรายใหม่ทั่วประเทศเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยเฉพาะตลาดรับสร้างบ้านในจังหวัดภาคกลางและอีสาน และพบว่าผู้ประกอบการายใหม่ส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ ขาดประสบการณ์และองค์ความรู้หรือระบบการบริหารจัดการธุรกิจรับสร้างบ้านอย่างมืออาชีพแท้จริง มีเพียงความรู้ด้านการใช้ช่องทางสื่อสารออนไลน์หรือโซเชียลมีเดีย ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายขึ้น ในส่วนของกลยุทธ์ที่ใช้แข่งขันคือ การตัดราคาผู้ประกอบการตัวจริง หวังสร้างยอดขายหรือผลงานและแจ้งเกิดในธุรกิจนี้
ผู้บริโภคจึงควรศึกษาข้อมูลของผู้ประกอบการและรายละเอียดให้ดีก่อน มิฉะนั้นอาจเข้าใจผิดหรือไม่ทราบถึงความแตกต่างระหว่างผู้ให้บริการ "รับสร้างบ้านมืออาชีพ" กับ "มือใหม่หรือมือสมัครเล่น" ทั้งเรื่องความมั่นคงแข็งแรงของการก่อสร้างบ้าน คุณภาพและฝีมือก่อสร้าง การให้บริการก่อนและหลังการขาย ราคาที่เป็นจริง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายควบคุมการก่อสร้างอาคาร ฯลฯ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม การมีผู้ประกอบการเข้ามาแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านเพิ่มขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภค เพราะจะทำให้มีทางเลือกมากขึ้น แต่ธุรกิจรับสร้างบ้านเป็นธุรกิจบริการและเป็นอาชีพอิสระ ในปัจจุบันยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐทำหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง จึงทำให้ตลาดรับสร้างบ้านมีทั้งผู้ประกอบการตัวจริงและตัวปลอม รวมถึงกลุ่มมิจฉาชีพปะปนอยู่ในธุรกิจนี้ด้วยเช่นกัน ผู้บริโภคจึงควรต้องมีความระมัดระวังก่อนตัดสินใจ
ปัจจุบัน ศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ มีสาขาเปิดให้บริการอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัดเกือบ 30 สาขาในทุกภูมิภาค ซึ่งปี 2560 นี้มียอดขายและการก่อสร้างบ้านรวมทุกสาขากว่า 250 หน่วย โดยมีการบริหารจัดการสาขาในรูปแบบลงทุนเองและให้สิทธิแฟรนไชส์ ทั้งนี้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯ ชะลอการเปิดสาขาใหม่เอาไว้ ด้วยเพราะมีความกังวลต่อภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างไรก็ดี บริษัทฯ ประเมินความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและทิศทางเศรษฐกิจช่วงปลายปี 2560 นี้และต้นปีหน้า คาดว่าจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และเชื่อว่าความต้องการที่อยู่อาศัยประเภทบ้านสร้างเองจะกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ดังนั้นจึงมีแผนจะลงทุนเปิดสาขาใหม่ ทั้งในรูปแบบลงทุนเองและให้สิทธิแฟรนไชส์รับสร้างบ้านอีกครั้ง
นายสิทธิพร เปิดเผยอีกว่า ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ (SME BANK) ได้คัดเลือกให้ พีดีเฮ้าส์ เป็น 1 ใน 12 ธุรกิจแฟรนไชส์ไทย ที่ธนาคารพร้อมสนับสนุนสินเชื่อแก่ผู้สนใจลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์รายใหม่ โดยสามารถขอกู้เงินลงทุนกับธนาคารฯ ได้สูงสุด 80% ของเงินลงทุน มีระยะเวลาการกู้ยืม 7 ปี และในกรณีไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันก็สามารถใช้ บสย. ค้ำประกัน โดยได้รับการชดเชยค่าธรรมเนียม บสย. หรือยกเว้นในระยะ 4 ปีแรกอีกด้วย อย่างไรก็ดี โครงการนี้ธนาคารฯ มีวงเงินปล่อยสินเชื่อจำกัดเพียง 7,500 ล้านบาท ดังนั้นผู้ที่สนใจจะลงทุนแฟรนไชส์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ คงต้องรีบยื่นใบสมัครเข้ามายังบริษัทฯ เพื่อคัดเลือกและพิจารณาคุณสมบัติต่อไป ในเบื้องต้นจังหวัดหรือพื้นที่เปิดสาขาใหม่ที่น่าลงทุน ได้แก่ สมุทรปราการ ปราจีนบุรี จันทบุรี สกลนคร ชุมพร สุราษฎร์ธานี กระบี่ ฯลฯ เป็นต้น