นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ อาร์เอชบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากได้ยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) และได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ขณะนี้ได้นับหนึ่งไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว โดยคาดจะสามารถระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้
บมจ.ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 97,070,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละ 28.55 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯ มีทุนที่ออกและชำระแล้วเต็มมูลค่าจำนวน 170,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 340,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ ซื้อเครื่องทดสอบแรงดึงเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่มีการใช้ผลิตภัณฑ์ยกหิ้วขนาดใหญ่ และโครงการก่อสร้างโกดังสินค้า ซึ่งอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกันกับโกดังสินค้าสำโรง จ.สมุทรปราการ โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถใช้งานได้ภายในปี 2562 ทำให้บริษัทฯ สามารถตอบสนองความต้องการสินค้าที่หลากหลายเพิ่มขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ด้วยจุดแข็งจากภาพรวมธุรกิจลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วมีแนวโน้มเติบโตที่ดีในระยะยาว เพราะเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นและมีความต้องการใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย ลูกค้าต้องการสินค้าที่มีคุณภาพสูง มาตรฐานระดับสากล รวดเร็ว และบริการหลังการขายที่ดี การระดมทุนครั้งนี้ จะเพิ่มโอกาสในการขยายตลาด และโครงการอีกมากมายที่จะสามารถรองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่ง
นายทชากร ลีลาประชากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยมุ้ย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ THMUI กล่าวว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วคุณภาพสูง โดยจัดจำหน่ายลวดสลิง สลิงผ้าใบ โซ่ และอุปกรณ์ยกหิ้ว ซึ่งบริษัทฯ เป็นหนึ่งในตัวแทนการจัดจำหน่ายลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วที่ผลิตโดยผู้ผลิตลวดสลิงชั้นนำจากหลากหลายประเทศ อาทิ ไบรดอน (Bridon), คิสไวร์ (Kiswire), อูช่า (Usha) และครอสบี้ (Crosby) เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการอัดปลอกลวดสลิงในแบบที่ลูกค้าต้องการ เพื่อให้พร้อมสำหรับใช้งานได้ทันที รวมทั้ง บริการหลังการขาย และมีใบรับรองสินค้าจากผู้ผลิต เพื่อให้เกิดความมั่นใจในสินค้าที่ส่งมอบ
ปัจจุบัน บริษัทฯ มีธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งที่เข้มแข็ง โดยที่ตั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานขายปลีกอยู่ที่กรุงเทพมหานคร และคลังสำรองหลักที่สำโรงและปิ่นทอง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล นอกจากนี้ ยังมีสำนักงานขายปลีกและคลังสำรองที่สัตหีบ รองรับความต้องการของลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และบริษัทขนส่งท่าเรือในจังหวัดชลบุรีและจังหวัดใกล้เคียงในภาคตะวันออกของประเทศไทย รวมถึง การขยายตลาดลูกค้าในภูมิภาคตะวันออกอีกด้วย โดยเลือกใช้ระบบไอทีและเทคโนโลยีชั้นนำเข้ามาสนับสนุนการบริหารคลังสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สำหรับกลุ่มลูกค้าบริษัทฯ ได้แก่ กลุ่มลูกค้าในนิคมอุตสาหกรรม , กลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม , กลุ่มธุรกิจก่อสร้าง , กลุ่มท่าเรือ และกลุ่มโรงไฟฟ้า เป็นต้น ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายและเป็นบริษัทชั้นนำของประเทศ มีโรงงานขนาดใหญ่ที่มีความต้องการใช้ลวดสลิงที่มีคุณภาพ
สำหรับผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2560 มีรายได้จากการขายและบริการ 182.84 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 157.31 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 16.22 เนื่องจากสินค้าได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และการปรับตัวขึ้นอย่างมากของระดับราคาน้ำมันดิบ ส่งผลให้ลูกค้าหลักในกลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเคมีเริ่มฟื้นตัว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจการค้าในภูมิภาคและภาวะเศรษฐกิจโลกปรับตัวดีขึ้น และการเติบโตในภาคการขนถ่ายสินค้าผ่านท่าเรือส่งผลให้ความต้องการสินค้าจากกลุ่มอุตสาหกรรมท่าเรือเพิ่มขึ้นเพื่อรับปริมาณตู้สินค้าที่มากขึ้น ส่วนกำไรขั้นต้นเติบโตขึ้นอยู่ที่ 72.44 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 39.62 สำหรับกำไรสุทธิอยู่ที่ 11.37 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนหน้าที่ขาดทุน (1.40) ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ร้อยละ 39.62 อัตรากำไรสุทธิร้อยละ 6.19 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าจากการเติบโตของรายได้ และการลดลงของค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ถึงแม้ว่า บริษัทฯ จะมีค่าใช้จ่ายในการเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ตาม อีกทั้งยังเป็นผลจากการขยายฐานลูกค้าของบริษัทฯ ไปยังกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและก่อสร้างมากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพิงลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเคมี ที่ยอดสั่งซื้อแปรผันตรงตามการปรับตัวของราคาน้ำมันในตลาดโลก
ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย งวดปี 2557 – 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและให้บริการอยู่ที่ 370.98 ล้านบาท 381.12 ล้านบาท และ 356.74 ล้านบาทตามลำดับ รายได้หลักมาจากการจัดจำหน่ายลวดสลิงและชุดประกอบกว่าร้อยละ 60 ของรายได้จากการขายและบริการ ขณะที่กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 179.01 ล้านบาท 160.17 ล้านบาท และ 146.17 ล้านบาทตามลำดับ กำไรสุทธิอยู่ที่ 7.79 ล้านบาท 16.30 ล้านบาท และ 18.92 ล้านบาท ตามลำดับ และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.08 ร้อยละ 4.25 ร้อยละ 5.29 เป็นผลจากต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่ลดลง สะท้อนการบริหารจัดการภายในได้เป็นอย่างดี
บริษัทฯ เล็งเห็นการเติบโตของตลาดลวดสลิงและอุปกรณ์ยกหิ้วที่มีต้องการสินค้าและบริการที่มีคุณภาพสูง เป็นผู้นำในธุรกิจที่ได้รับความเชื่อมั่นในการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ดังระดับโลก จึงเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตในตลาดทุน จึงเข้ามาระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) หวังเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากขึ้น สนับสนุนการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในระยะยาว