ธุรกิจพลังงาน ก็ไม่ต่างจากธุรกิจอื่น ๆ ที่รูปแบบการทำธุรกิจ มีความซับซ้อน และเปลี่ยนแปลงมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ความซับซ้อนที่กำลังเพิ่มขึ้นนี้เกิดจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นส่วนการผลิตต่างๆ ระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน กฎระเบียบต่างๆ และระบบความปลอดภัย (ด้านเทคนิค)
สำหรับแนวคิดใหม่ทางด้านพลังงานก็คือการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงานร่วมกับผู้ปฏิบัติงาน โดยเฉพาะความพยายามที่จะนำข้อมูลมากมายที่ถูกจัดเก็บอย่างไม่เป็นระเบียบจากอุปกรณ์ต่างๆ ที่ติดตั้งไว้ตามสถานที่ตั้งไซต์งาน ไปสู่ข้อมูลที่สำคัญและนำมาใช้ประโยชน์ได้
ในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สาม เทคโนโลยีล่าสุดในช่วงเวลานั้น ทำให้ผู้ปฏิบัติงานควบคุมการทำงานหลายๆ ส่วนของโรงงานโดยผ่านการควบคุมจากศูนย์กลาง ถือเป็นจุดเริ่มต้นของระบบการควบคุม DCS (distributed control system) ปัจจุปันเป็นช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ จึงเป็นการนำระบบออโตเมชั่นมาเชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้น ในความเป็นจริงแล้วเอบีบีมีอุปกรณ์ หรือเครื่องมือประมาณ 70 ล้านชิ้นที่ได้เชื่อมต่อกับระบบ รับส่งข้อมูล และหนึ่งในสามของอุปกรณ์เหล่านี้ อยู่ในระบบควบคุม ของการผลิตไฟฟ้า ผลลัพธ์จากการเชื่อมโยงข้อมูลเหล่านี้เข้าด้วยกัน ก็คือโรงไฟฟ้าดิจิตอล นั่นเอง
อีกสองขั้นตอนที่จำเป็นในการดำเนินงานของโรงงานในปัจจุบันก็คือการตรวจจับข้อมูลแล้ววิเคราะห์เพื่อสร้างข้อมูลเชิงลึก อย่างไรก็ตามข้อมูลเชิงลึกจากโลกธุรกิจ (physical world) ของบริษัทก็คือ การดำเนินการได้จริงเพื่อส่งมอบโซลูชันและจบงาน (closing the loop) นับเป็นขั้นตอนที่สำคัญอันดับสามในการเพิ่มคุณค่าให้กับลูกค้า
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ ABB ได้ใช้ความพยายามอย่างมาก ในการนำระบบดิจิทัลมาใช้ในการผลิตกระแส ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยีการควบคุมของ ABB Ability ™Symphony® Plus โรงงานผลิตไฟฟ้าด้วยระบบดิจิทัลของ ABB ไม่เพียงแต่จัดการข้อมูลเพื่อนำไปประยุกต์ใช้กับการดำเนินงานของบริษัทได้จริง แต่ยังทำให้ผู้ปฏิบัติงานในโรงไฟฟ้ามองเห็นภาพที่ส่งผลต่อโรงงานและประโยชน์ที่จะได้รับเพิ่มมากขึ้นจากสินทรัพย์ของพวกเขา
นั่นคือสิ่งที่เราให้คำจำกัดความที่ว่า 'closing the loop' เป็นการสร้างโอกาสใหม่ ๆ สำหรับลูกค้าของเรา – ลดเวลาหยุดของเครื่องจักร (downtime) ลดการใช้พลังงานหรือการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ลดการบำรุงรักษา เพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรที่มีอยู่ เพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงการเพิ่มผลผลิตด้วยการเพิ่มเวลาทำงาน ความเร็วและผลผลิต โดยเริ่มต้นจากการจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้สามารถสร้างประโยชน์อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับสินทรัพย์เหล่านั้นนั่นเอง
โรงไฟฟ้าดิจิทัลเป็นปรัชญาเทคโนโลยี ที่ไม่ได้อยู่แค่ในนิยายวิทยาศาสตร์อีกต่อไป ศักยภาพอันยิ่งใหญ่ของพลังงานที่แฝงอยู่ในระบบได้ถูกนำมาเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ทั่วโลก เพียงแต่เราจะเลือกใช้เทคโนโลยีที่ถูกต้องควบคู่ไปกับความรู้ในภาคธุรกิจที่มีอยู่อย่างลึกซื้ง เพื่อให้เกิดขึ้นได้จริงและเป็นรากฐานของอนาคตดิจิทัลของเรา
มาช่วยกันเขียนอนาคตไปด้วยกัน
ABB (ABBN: SIX Swiss Ex) เป็นผู้นำเทคโนโลยีในด้าน electrification products, robotics and motion, industrial automation และ power grids เราให้บริการลูกค้าในภาคสาธารณปูโภค อุตสาหกรรมและการขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานทั่วโลก จากประวัติความเป็นมาของนวัตกรรมที่ยาว นานกว่า 125 ปี ABB กำลังก้าวไปสู่ยุคอุตสาหกรรมดิจิทัล ร่วมผลักดันการใช้พลังงาน และการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ABB ดำเนินงานในกว่า 100 ประเทศโดยมีพนักงานประมาณ 132,000 คน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://new.abb.com/power-generation/roots-to-the-future
#Rootstothefuture