นายวชิระ แก้วกอ ผู้อำนวยการ ฝ่ายประสานงานเครือข่ายผู้ให้บริการ SMEs รักษาการแทนผู้อำนวยการกลุ่มงานข้อมูลและสถานการณ์ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มอุตสาหกรรมสิ่งทอของไทย มีความโดดเด่นทั้งด้านการออกแบบสร้างสรรค์และฝีมือที่ประณีตผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ไทย รวมทั้งสามารถนำทรัพยากรทางการเกษตรมาประยุกต์เป็นผลิตภัณฑ์จนเป็นที่ยอมรับของตลาดโลก สามารถสร้างรายได้จากการส่งออกมูลค่าประมาณ 790,748 ล้านบาทต่อปี สสว.เล็งเห็นถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อเพิ่มศักยภาพสู่ตลาดสากล โดยร่วมมือกับ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมทั้งหน่วยงานภาคเอกชนและพันธมิตรต่าง ๆ ในรูปแบบประชารัฐ ภายใต้แนวคิด "คิด ผลิต ขาย" เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกลุ่มผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์คุณภาพชีวิตยุค 4.0 ตั้งเป้าส่งเสริมและพัฒนา SMEs และวิสาหกิจชุมชน ในกลุ่มอุตสาหกรรม สิ่งทอ แฟชั่นและไลฟ์สไตล์ จำนวนไม่น้อยกว่า 1,000 ราย จากทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาเรื่องการออกแบบที่นำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมของท้องถิ่น รวมทั้งนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาสินค้า ให้เกิดความร่วมสมัยและสร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งแก่ผู้ประกอบการ
นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน – กันยายน 2560 จัดกิจกรรมอบรมเพื่อพัฒนาองค์ความรู้และให้คำปรึกษาด้าน design thinking และการตลาดสมัยใหม่ แก่ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรม สิ่งทอแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ ประกอบไปด้วย กลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม เครื่องหนัง อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องเรือนของตกแต่งและของที่ระลึก และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์จาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ รวม 644 กิจการจำนวน 1,020 คน
ซึ่งทั้งหมดมาจากฐานข้อมูลสมาชิก สสว. สมาชิกกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและกลุ่มโครงการบูรณาการอื่นๆ จากนั้นได้เฟ้นหาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพโดยเลือกจากแนวคิดและผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการทั้งหมด ให้เหลือเพียง 325 กิจการ แยกเป็นผู้ประกอบการประเภทสิ่งทอและเครื่องนุ่งหุ่ม 161 กิจการ อัญมณีและเครื่องประดับ 31 กิจการ เครื่องหนัง 26 กิจการ เครื่องเรือนและของตกแต่ง 23 กิจการ ของที่ระลึก 75 กิจการ และบรรจุภัณฑ์ 9 กิจการ ทั้งหมดได้รับการพัฒนาเชิงลึกโดยทีมที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ได้ลงพื้นที่ให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดเข้มข้น จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ต้นแบบที่สวยงามตอบโจทย์ความต้องการของตลาดได้ จำนวน 1,020 ผลิตภัณฑ์
จากนั้นได้คัดเลือกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวอีกรอบจนเหลือ 5 กิจการเพื่อเป็นตัวแทนภาค ไปเปิดตลาดการค้าต่างประเทศในรูปแบบตลาดออนไลน์ (Digital Platform) ผ่าน Hong Kong Trade พร้อมทั้งคัดเลือกสุดยอดผลิตภัณฑ์สุดท้ายที่มีศักยภาพสูงสุดเพียง 1 ราย เพื่อเดินทางไปเยี่ยมชมและสำรวจตลาดการค้าในงานเซ็นเตอร์สเตจ (CENTRE STAGE) งานแสดงและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นระดับสากล ณ เขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยได้รับการสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้ประกอบการจาก องค์การพัฒนาสภาการค้าฮ่องกง (HKTDC) และ บริษัท เวิลด์เด็กซ์ จี.อี.ซี. จำกัด ทั้งนี้มีหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ประกอบไปด้วย ความสวยงามของผลิตภัณฑ์ ความเหมาะสมต่อการใช้งานที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคและตลาด รวมทั้งมีความพร้อมสูงสุดในการออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ ซึ่ง สสว.จะนำเข้าสู่การขยายโอกาสทางธุรกิจต่อไป
ผลิตภัณฑ์ที่เข้ารอบทั้งหมดได้นำมาจัดแสดง ณ ลานอีเดน เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อให้ผู้บริโภคทั้งชาวไทยและต่างชาติได้เห็นถึงศักยภาพ พร้อมเชิญ ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานเพื่อเพิ่มช่องทางต่อยอดผลิตภัณฑ์ รวมทั้งได้นำผลิตภัณฑ์เผยแพร่ใน www.ID-Society.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียงของกลุ่มแฟชั่น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางการตลาดและขยายช่องทางที่ตอบโจทย์การซื้อขายสินค้ารองรับการเติบโตในยุคอุตสาหกรรม 4.0