ธนาคารกรุงเทพรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2560 จำนวน 8,161 ล้านบาท

ศุกร์ ๒๐ ตุลาคม ๒๐๑๗ ๐๙:๐๗
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารจึงยังคงยึดหลักการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบและระมัดระวัง พร้อมทั้งรักษาสภาพคล่องและเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่สามารถรองรับการขยายธุรกิจในอนาคตและความไม่แน่นอนที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อให้ธนาคารมีเสถียรภาพทางการเงินที่ยั่งยืน

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 16,825 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 2559 และส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.30 สำหรับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมีจำนวน 11,651 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.0 สาเหตุหลักจากกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ โดยส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมจากบริการกองทุนรวมและบริการประกันผ่านธนาคาร และค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานมีจำนวน 11,939 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.3 ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ร้อยละ 41.9 ส่งผลให้กำไรสุทธิ (ส่วนที่เป็นของธนาคาร) สำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 มีจำนวน 8,161 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ณ สิ้นเดือนกันยายน 2560 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,938,619 ล้านบาท อยู่ในระดับใกล้เคียงกับ ณ สิ้นปี 2559 สำหรับสินเชื่อด้อยคุณภาพคิดเป็นร้อยละ 3.8 ของเงินให้สินเชื่อรวม อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงติดตามดูแลคุณภาพสินเชื่ออย่างใกล้ชิดและรักษาระดับเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของธนาคารอยู่ที่ 135,840 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 7.0 ของเงินให้สินเชื่อ

ด้านเงินกองทุน ในเดือนกันยายน 2560 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกประกาศเรื่อง แนวทางการระบุและกำกับดูแลธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบ (Domestic Systemically Important Banks: D-SIBs) โดยกำหนดให้ธนาคารในฐานะธนาคารพาณิชย์ที่มีนัยต่อความเสี่ยงเชิงระบบต้องดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มเพื่อรองรับความเสียหาย (Higher loss absorbency) โดยให้ทยอยดำรงอัตราส่วนเงินกองทุนส่วนเพิ่มอีกร้อยละ 0.5 ในแต่ละปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 จนอัตราส่วนเพิ่มเป็นร้อยละ 1.0 ในวันที่ 1 มกราคม 2563 สำหรับธนาคารหากนับกำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 3 ปี 2560 รวมเข้าเป็นเงินกองทุนแล้ว อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยจะอยู่ในระดับประมาณร้อยละ 19.1 ร้อยละ 17.3 และร้อยละ 17.3 ตามลำดับ ทั้งนี้ เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับที่สามารถรองรับการดำรงเงินกองทุนส่วนเพิ่มตาม D-SIBs เรียบร้อยแล้ว สำหรับส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 กันยายน 2560 มีจำนวน 393,019 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 12.8 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 205.89 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 7.34 บาท จากสิ้นปี 2559

ข่าวประชาสัมพันธ์ล่าสุด

๑๖:๕๐ รีเลชั่นชิพรีพับบลิค แนะกลยุทธ์สำคัญ นำพาธุรกิจร้านอาหารสู่ความสำเร็จ มัดใจลูกค้าให้อยู่หมัด
๑๖:๑๔ ชมนวัตกรรมสุดล้ำในงาน METALEX 2024 หลายแบรนด์แกะกล่องเครื่องจักรครั้งแรกในงานนี้
๑๖:๑๓ Bangkok Illustration Fair 2024 สู่การเติบโตก้าวใหญ่ในปีที่ 4
๑๖:๑๐ ผลการจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัลโดย IMD ประจำปี 2567 TMA เผยไทยครองอันดับ 37 ในการจัดอันดับด้านดิจิทัลปีนี้
๑๖:๕๒ โก โฮลเซลล์ จัดเต็มสินค้า ส่งสุข สุดอร่อย เฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี เข้มกระเช้าปีใหม่ดีมีมาตรฐาน พร้อมชู อาหารแช่แข็ง-อาหารสด
๑๕:๒๖ กทม. จับมือสถานทูตเนเธอร์แลนด์ ประจำประเทศไทย จัดประชุมเชิงปฏิบัติการ ACTIVE Workshop เมืองเดินเท้า และจักรยานสัญจร ครั้งที่
๑๕:๐๑ สัมผัสความหรูหราของวิลล่าริมทะเล VEYLA NATAI RESIDENCES ผ่านประสบการณ์เหนือระดับในงาน SOUL of VEYLA
๑๕:๒๙ 'แอสเซทไวส์' จับมือ 'สยามกีฬา' เปิดศึกลูกหนังยุวชนทัวร์นาเมนต์ใหญ่แห่งปี AssetWise Siamkeela Cup 2024-25 ต่อเนื่องเป็นปีที่
๑๕:๐๘ โรงแรมเรเนซองส์ เปิดตัว R FINDS แพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก ที่จะเชื่อมมนต์เสน่ห์ชุมชนท้องถิ่นสู่นักเดินทางทั่วโลก
๑๕:๕๒ electric.neon.lamp หยิบเพลงฮิต แม้ ใส่ฟีลดนตรีเหงาปนเศร้าในแบบ Piano Version