สมาคมไทยรับสร้างบ้าน (Thai Home Builders Association: THBA) โดย นายสิทธิพร สุวรรณสุต นายกสมาคม เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา กระทั่งพื้นที่ในหลาย ๆ จังหวัดประสบปัญหาน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคกลางตอนบน บางจังหวัดสถานการณ์จัดอยู่ในขั้นวิกฤติแล้ว อาจส่งผลกระทบและฉุดให้ปริมาณบ้านสร้างเอง รวมถึงตลาดรับสร้างบ้านในช่วงโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปีนี้ชะลอตัวอีกครั้ง และอาจส่งผลกระทบจนทำให้ผู้ประกอบการได้รับความเสียหายตามมา อันได้แก่ น้ำท่วมไซต์งานก่อสร้าง ต้นทุนค่าขนส่งและวัสดุที่เพิ่มขึ้น ฯลฯ ดังนั้นในระยะนี้สิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญคือ การเฝ้าระวังหรือติดตามผลกระทบโดยไม่ประมาท พร้อมทั้งเตรียมแผนสำรองหรือแผนฉุกเฉินเอาไว้ สำหรับรับมือกับสถานการณ์และปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้น เพื่อลดความเสียหายหรืออาจพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส
"ในช่วงปลายไตรมาส 3 ที่ผ่านมาพบว่า ความต้องการสร้างบ้านและกำลังซื้อของผู้บริโภคมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น แนวโน้มตลาดรับสร้างบ้านไตรมาส 4 จึงมีโอกาสที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่เมื่อประเมินจากสภาพปัญหาน้ำท่วมขังที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ยอมรับว่าสถานการณ์เริ่มน่าเป็นห่วง โอกาสที่ตลาดรับสร้างบ้านจะขยายตัว เริ่มน้อยลงจากผลกระทบดังกล่าว อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการควรมีความพร้อมในการปรับตัว เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบให้มากที่สุด อย่างเช่น การขยายพื้นที่ให้บริการสร้างบ้าน ออกไปยังพื้นที่ไม่เกิดปัญหาน้ำท่วม การออกผลิตภัณฑ์หรือแบบบ้านใหม่ เพื่อตอบโจทย์หรือสอดคล้องกับสถานการณ์ สามารถช่วยแก้ปัญหาให้ผู้บริโภคได้ ฯลฯ และสิ่งสำคัญคือ ควรระมัดระวังการใช้จ่ายและรักษากระแสเงินสดให้ดี เพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและภาพรวมธุรกิจก่อสร้างที่ชะลอตัวในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินและระบบเครดิตเสียหายในธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจค้าวัสดุก่อสร้างหรือซัพพลายเออร์ ปีนี้นับได้ว่าเป็นปีแห่งความท้าทายของผู้ประกอบการรับสร้างบ้าน สำหรับการประคับประคองธุรกิจให้สามรถฝ่าสถานการณ์ยากลำบากไปให้รอดพ้นและปลอดภัย นายสิทธิพร กล่าว"
นายสิทธิพร กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สมาคมฯ ยังคงประเมินมูลค่าตลาดรับสร้างบ้านปี 2560 ไว้ที่ประมาณ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท โดยมี 2 สมาคมรับสร้างบ้านเป็นแกนหลักในการผลักดันและขับเคลื่อนการขยายตลาดรับสร้างบ้าน ในส่วนของสมาคมไทยรับสร้างบ้าน ปัจจุบันสมาชิกที่ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านมีสถานประกอบการตั้งอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งในต่างจังหวัด หรือกระจายอยู่ทุกภูมิภาค สามารถรองรับการให้บริการรับสร้างบ้านครอบคลุมพื้นที่ได้มากกว่า 50 จังหวัด โดยนโยบายของสมาคมฯ นั้นมุ่งเน้นให้สมาชิกประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องและโปร่งใส มีความรับผิดชอบต่อสังคม เน้นแนวคิดการสร้างบ้านประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม กรณีสมาชิกรายใดไม่ยึดถือปฏิบัติตามแนวนโยบาย สมาคมฯก็จะพิจารณายกเลิกความเป็นสมาชิก เพราะแนวทางของสมาคมฯมิได้เน้นปริมาณหรือจำนวนสมาชิกมาก หากแต่ต้องการเฟ้นผู้ประกอบการน้ำดีเข้ามาเป็นสมาชิกมากกว่า รวมทั้งมีแนวคิดทางธุรกิจที่สอดคล้องและเป็นไปในทิศทางเดียวกันคือสิ่งสำคัญ